Page 67 - ภาษาถิ่นและวรรณกรรมท้องถิ่นไทย
P. 67
วรรณกรรมทอ้ งถ่นิ ภาคอสี าน 8-57
(ผอ่ = เห็น บา = ชายหนุม่ /มักใช้เรียกชือ่ ผู้ชายน ฮอ่ ม = ช่อง/ชอ่ งทาง,
เขาฮอม = ภเู ขาแคบ พะนอง = ภเู ขา โฮยแฮง = โรยแรง ยา่ ง = เดิน
คดึ = คิดถงึ ปนุ = ทำ� /แต่ง ไห้ = ร้องไห ้ ฮำ่� ไฮ = ร่�ำไร)
4.3 คุณค่าของเร่ือง เรอ่ื งสงั ขศ์ ลิ ปช์ ยั มคี ณุ คา่ ดา้ นการสง่ั สอนกฎแหง่ กรรมและความรกั ตอ่ กนั ใน
ครอบครวั แลว้ สะทอ้ นคตคิ วามเชอ่ื ทเ่ี ปน็ คตนิ ยิ มของชาวอสี าน เชน่ ความเชอ่ื เรอ่ื งการทำ� นาย ลางสงั หรณ์
ภูตผีวิญญาณ งูซวง พญานาค เป็นต้น เป็นที่นิยมแพร่หลายมากท่ีสุด และนิยมน�ำมาเทศน์และอ่านใน
งานบญุ งนั เฮอื นดี (งานศพ) มากกวา่ เรอ่ื งอนื่ ๆ นอกจากนน้ั ยงั มคี วามโดดเดน่ ดา้ นวรรณศลิ ป์ นกั ประพนั ธ์
อีสานถือเป็นแบบฉบับของการแต่งโคลงสารและกลอนล�ำของอีสาน โดยเฉพาะกลอนเดินดงที่ครูหมอล�ำ
จะนำ� มาใหล้ กู ศิษยฝ์ ึกลำ� อย่เู สมอ จนบรรดาหมอลำ� ถือว่ากลอนเดนิ ดงในเรอื่ งสงั ขศ์ ลิ ป์ชัยเป็นบทครู
4.4 เร่ืองย่อ
ทา้ วกศุ ราชครองเมอื งเปง็ จาล มมี เหสชี อื่ นางจนั ทาเทวี นอ้ งสาวของทา้ วกศุ ราชชอ่ื วา่ นางสมุ ณฑา
ถกู ยกั ษล์ ักพาไปเป็นชายาอยู่ท่เี มืองยักษ์ ท้าวกุศราชได้ออกตดิ ตามนอ้ งสาวไปถงึ เมอื งจำ� ปา เเละได้ธิดา
ท้งั เจ็ดของเศรษฐเี ปน็ ชายา ภายหลงั จึงพาชายาทง้ั เจด็ กลับเมอื ง อยมู่ าไม่นานพระชายาท้ังเจด็ เเละมเหสี
ตงั้ ครรภ์ ประสตู อิ อกมาเปน็ โอรสทกุ พระองค์ มเหสคี อื นางจนั ทาเทวปี ระสตู โิ อรสเปน็ ราชสหี ช์ อื่ วา่ “สโี ห”
สว่ นชายาคนนอ้ งสดุ ทอ้ งประสตู โิ อรสชอ่ื วา่ “สนิ ไซ” มหี อยสงั ขแ์ ละธนเู ปน็ อาวธุ ตดิ มอื มาพรอ้ มกบั ประสตู ิ
ส่วนชายาท้ังหกประสูติออกมาเป็นชาย หมอโหราท�ำนายว่าพระโอรสสินไซเป็นผู้มีบุญญาธิการมาก
สามารถปราบยักษ์เเละศตั รูได้ท่วั จักรวาล พสี่ าวทง้ั หกอิจฉาน้องสาวสดุ ท้องมาก จึงตดิ สนิ บนหมอโหรให้
ท�ำนายเท็จกราบทูลท้าวกุศราช ท้าวกุศราชจึงจ�ำยอมต้องขับไล่นางเเละโอรสสินไซออกจากเมือง เพราะ
หมอโหรทูลว่าพระโอรสจะนำ� ความวิบัตมิ าสบู่ า้ นเมอื ง ทา้ วสีโหและจนั ทาเทวีผู้เปน็ มเหสีขอติดตามสินไซ
ไปด้วย สินไซและท้าวสีโหพร้อมด้วยมารดาท้ังสองก็เดินป่าพเนจรไป พระอินทร์ทราบเร่ืองจึงมาเนรมิต
กระทอ่ มให้เเมล่ กู ทงั้ สีอ่ าศัยอยู่
ตอ่ มาหกกมุ ารเจรญิ วยั ไดป้ ระพาสปา่ มาพบกระทอ่ มของสนิ ไซเเละมารดา สนิ ไซไดเ้ เสดงอภนิ หิ าร
ใหก้ ุมารทงั้ หกชม วนั หนง่ึ กมุ ารทั้งหกอยากอวดอทิ ธฤิ ทธิใ์ ห้บิดาชม จึงมาติดสนิ บนใหส้ ินไซเรยี กสตั ว์เข้า
เมอื ง พระบดิ าเหน็ ดงั นนั้ จงึ คดิ วา่ พระกมุ ารมอี ทิ ธฤิ ทธส์ิ ามารถเรยี กสตั วป์ า่ ไดจ้ รงิ ๆ พระบดิ าจงึ สงั่ ใหก้ มุ าร
ท้ังหกไปติดตามหานางสุมณฑาท่ีถูกยักษ์ลักพาไป พระกุมารทั้งหกจึงมาอ้อนวอนให้สินไซช่วยเหลือไป
ตามอา มารดาไมอ่ ยากใหส้ นิ ไซไป เเตส่ นิ ไซไดร้ บั รองกบั มารดาวา่ ตนเองมอี ทิ ธฤิ ทธิ์ มที ง้ั สงั ข์ เเละทา้ วสโี ห
ท่ีจะช่วยขจัดภัยพิบัติทั้งปวง พระมารดาจึงยินยอมให้ไปกับกุมารท้ังหก เมื่อเดินทางไปถึงฝั่งมหาสมุทร
สนิ ไซจงึ ใหก้ มุ ารทง้ั หกคอยอยทู่ ฝี่ ง่ั นำ้� สว่ นสนิ ไซเเละสโี หจะไปยงั เมอื งยกั ษต์ ดิ ตามนางสมุ ณฑาเอง สนิ ไซ
จงึ ข่ที ้าวสโี หเหาะไปจนถงึ เมอื งยกั ษ์ ได้พบนางสุมณฑาและเล่าเรื่องของตนใหฟ้ ัง นางสุมณฑากย็ นิ ดเี เต่
นางเองกห็ ว่ งพระธดิ าชอ่ื วา่ นางสดี าจนั ทร์ ทต่ี กเปน็ ชายาทา้ ววรณุ นาค เพราะยกั ษผ์ เู้ ปน็ บดิ าเสยี พนนั สกา
กับท้าววรุณนาค เม่ือยักษ์ผู้เป็นสามีนางสุมณฑากลับเข้าเมืองมาและทราบว่ามีมนุษย์อยู่ในปราสาท จึง
ตามหาจนพบสนิ ไซ ทงั้ สองรบกนั ดว้ ยศาสตรศ์ ลิ ปต์ า่ งๆ นานา ในทส่ี ดุ สนิ ไซกฆ็ า่ ยกั ษไ์ ด้ เเละไปเมอื งนาค
เล่นสกาพนันเอาเมืองกับท้าวรุณนาค ท้าววรุณนาคเเพ้ยอมยกเมืองให้ เเต่ไม่ยอมให้นางสีดาจันทร์ ท้ัง