Page 63 - ภาษาถิ่นและวรรณกรรมท้องถิ่นไทย
P. 63

วรรณกรรมท้องถิน่ ภาคอีสาน 8-53
            ทา้ วผาเเดงรสู้ กึ เสยี ใจมากทส่ี ญู เสยี นางอนั เปน็ ทรี่ กั ไปตอ่ หนา้ ตอ่ ตา จงึ อธษิ ฐานตอ่ เทพยดา
วา่ ขอตายกลายเปน็ ผเี พอื่ ไปตอ่ สเู้ อานางไอก่ ลบั คนื มา เมอ่ื กลน้ั ใจตายเเลว้ ทา้ วผาเเดงไดก้ ลายเปน็ หวั หนา้
ผีเกณฑ์ไพร่พลกองทพั ผีเพื่อไปต่อสู้กับพวกนาค เเต่ตอ่ สู้กันเท่าใดก็ไมม่ ีผูใ้ ดเเพ้ผู้ใดชนะ ยังเเต่จะท�ำให้
น�้ำในหนองบึงขุ่นมวั ดนิ บนบกเปน็ ฝุ่นตลบไปทวั่ รอ้ นถึงพรอินทร์ต้องลงมาระงบั ศึกให้พวกนาคเเละพวก
ผกี ลับบ้านเมืองของตนไปกอ่ น สว่ นนางไอ่ค�ำยังให้อยู่ ณ เมืองบาดาล รอให้พระศรอี าริยม์ าเป็นผตู้ ดั สิน
ว่านางไอค่ �ำควรเปน็ ของใคร

3. 	 ขูลูนางอ้ัว

       3.1 	 ความสำ� คญั ของเรอื่ ง วรรณกรรมทอ้ งถน่ิ อสี านเรอ่ื ง ขลู นู างอว้ั ถงึ แมว้ า่ จะเปน็ นทิ านประโลมโลก
ก็ตาม แต่ผู้แต่งได้เน้นไว้ตอนท้ายว่าเป็นชาดก จนท�ำให้เชื่อกันว่าเป็นชาดกหรือเป็นอดีตชาติหนึ่งของ
พระพทุ ธเจา้ ซงึ่ เปน็ ลกั ษณะเฉพาะของวรรณกรรมนทิ านภาคอสี านทพ่ี ยายามจะยกใหเ้ ปน็ ชาดกดงั ทกี่ ลา่ ว
มาแล้ว และถือว่าเป็นวรรณกรรมที่มีส�ำนวนโวหารดีเยี่ยมอีกเร่ืองหน่ึง เพราะเหตุว่าเน้ือเรื่องเป็นแนว
ประโลมโลก ผแู้ ตง่ จงึ สามารถสอดแทรกโวหารเชงิ สงั วาสไดโ้ ดยไมข่ ดั เขนิ กบั เนอื้ เรอื่ งทตี่ วั พระเอกนางเอก
เขา้ ค่กู ัน

       วรรณกรรมเร่ืองขูลูนางอั้วนี้มีบทบาทส�ำคัญต่อสังคมอีสานมาก นอกจากจะเป็นวรรณกรรมท่ีมี
เฉพาะในภาคอสี านแลว้ ชาวอสี านยงั นำ� วรรณกรรมเรอ่ื งนม้ี าใชเ้ ทศนเ์ ชน่ เดยี วกบั วรรณกรรมเรอื่ งอน่ื ๆ ซง่ึ
เปน็ ทนี่ ยิ มชน่ื ชอบอกี ทงั้ มกี ารนำ� มาแสดงหมอลำ� เปน็ ทสี่ นกุ สนานและชนื่ ชอบเชน่ เดยี วกนั ทำ� ใหช้ าวอสี าน
ส่วนมากรู้เร่ืองราวเก่ียวกับเร่ืองนี้ดีและรู้ว่าเป็นวรรณกรรมโศกเศร้ารันทดรัก หรือโศกนาฏกรรมความรัก
อมตะคล้ายกันกบั วรรณกรรมอังกฤษเร่อื ง โรเมโอกบั จเู ลยี ต ของ วิลเลียม เชกสเปยี ร ์ นอกจากน้นั ยังนำ�
เอาช่ือท้าวขูลู นางอ้ัว มาต้ังเป็นช่ือดอกกล้วยไม้ป่าอีกด้วย กล่าวคือ ดอกนางอ้ัว เป็นดอกกล้วยไม้ดิน
สขี าวขนาดเลก็ ลกั ษณะดอกคลา้ ยมเี ชอื กผกู คอหอ้ ยโยง แลบลนิ้ หอ้ ยยาวลงมา ชอบขนึ้ อยบู่ นพนื้ ดนิ ทเ่ี ปน็
ลานโลง่ มกี ลน่ิ ทหี่ อมอบอวลฟงุ้ กระจายไปในทกุ หนทกุ แหง่ ทส่ี ายลมพดั พาลอ่ งลอยไป โดยเฉพาะในตอน
กลางคนื ส่วนดอกทา้ วขูลู มีสขี าว-มว่ งชมพทู ีโ่ คนกลีบดอกนั้นมีรปู ลักษณะคลา้ ยถกู มีดแทง วา่ กนั วา่ “ที่
ใดทมี่ ดี อกนางอวั้ ขนึ้ อยู่ ทนี่ น่ั ยอ่ มจะมดี อกทา้ วขลู ู เกดิ อยใู่ นบรเิ วณเดยี วกนั ดว้ ยเสมอ” นอกจากนย้ี งั เปน็
ช่ือแมลงปกี ชนดิ หนง่ึ มีสดี ำ�  ชาวบา้ นเรียกว่า “แมงขลู ”ู ซึ่งต่างกเ็ ลา่ วา่ เปน็ ชื่อทีไ่ ดม้ าจากเรอื่ งขลู นู างอว้ั
แสดงใหเ้ หน็ วา่ ชาวอสี านมคี วามฝงั ใจหรอื ประทบั ใจตอ่ เรอื่ งขลู นู างอว้ั นอี้ ยา่ งมากจนนำ� ชอ่ื มาเปน็ ชอ่ื ดอกไม้
และแมลงดังกลา่ ว

       3.2 	ส�ำนวนโวหาร เรอื่ งขลู นู างอวั้ ประพนั ธด์ ว้ ยโคลงสาร สว่ นมากจะประพนั ธต์ ามแบบแผนของ
โคลงสารทเี่ ครง่ ครดั มกี ารใชค้ ำ� ทสี่ ละสลวย มองเหน็ ภาพคลอ้ ยตามชดั เจน เนอื่ งจากเปน็ วรรณกรรมนทิ าน
ทอ้ งถน่ิ แนวประโลมโลก จงึ มบี ทเดน่ ๆ เกยี่ วกบั บทเขา้ พระเขา้ นางทม่ี กี ารบรรยายชดั เจน ไมป่ ดิ บงั เหมอื น
วรรณกรรมเร่ืองอ่ืนๆ ท่ีเก่ียวข้องกับพุทธศาสนา ดังข้อความตอนท้าวขูลูแอบลักลอบได้เสียกับนางอ้ัว
ขอ้ ความว่า
   58   59   60   61   62   63   64   65   66   67   68