Page 64 - ภาษาถิ่นและวรรณกรรมท้องถิ่นไทย
P. 64

8-54 ภาษาถิ่นและวรรณกรรมทอ้ งถิ่นไทย

ค้อมว่า	         ท้าวกล่าวแล้ว	       มือกอดคอชม
	                มือซอนลง	            ถืกนมนางอ้ัว
นางก็	           หยับห่มผ้า	          นอนนิ่งบ่ตีง
	                ท้าวจิ่งค้ัน	        นมน้องบ่วาง
นางจิ่ง	         จงใจตั้ง	            ดอมบาจิตหว่า
	                สองถืกเน้ือ	         นอนกลิ้งกล่อมกัน
พันธะนังเก้ียว	  เฝือแฝงบ่เปิด	       เป็นแล้ว
เหมือนด่ัง	      ได้ขึ้นฟ้า	          สวรรค์พุ้นฮ่วมกัน
	                	                    (ปรีชา พณิ ทอง, 2524, น. 21-22)

(บ่ตงี = 	ไม่เคลื่อนไหว 	 บา = ชายหนุม่    บ่เปิด = ไมเ่ บอื่ หน่าย	   จิตหวา่ = ตกใจ)

       3.3 	คุณค่าของเรื่อง เรอ่ื ง ขลู นู างอวั้ เปน็ วรรณกรรมทใี่ หค้ ตขิ อ้ คดิ ในเรอ่ื งเกย่ี วกบั ความรกั ความ
ซ่ือสัตย์ ความกตัญญู มีการน�ำเอาค�ำผญาภาษิตพ้ืนบ้านมาเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ในเร่ืองได้อย่างดี
เยยี่ มเม่อื เปรยี บเทียบกบั วรรณกรรมเร่ืองอ่ืนๆ สว่ นในบทชมป่าชมดง มกั จะชมหรอื รำ� พึงรำ� พนั คล้ายกบั
นิราศ ท่ีใส่อารมณ์ของตัวละครท่ีตัวละครเอกฝ่ายชายต้องพลัดพรากนาง หรือตัวละครเอกฝ่ายหญิงต้อง
พลัดพรากจากชายอันเป็นที่รัก เป็นการเน้นให้เห็นถึงความทุกข์ที่เกิดจากการพลัดพราก ไม่สมประสงค์
ดงั ใจทห่ี มาย มกี ารแตง่ โดยการสมั ผสั ระหวา่ งวรรคทไ่ี พเราะอยา่ งยง่ิ เมอื่ เทยี บกบั เรอ่ื งอนื่ ๆ นอกจากนเ้ี รอื่ ง
ขูลนู างอว้ั ยังไดส้ ะท้อนให้เหน็ คตคิ วามเชอื่ ที่โดดเดน่ เก่ยี วกบั เรื่อง “สายมิ่งสายแนน” หรอื บพุ เพสนั นวิ าส
อันเป็นเน้ือคู่มาแต่ชาติปางก่อน ซ่ึงชาวอีสานเชื่อว่า การจะเป็นเนื้อคู่กันย่อมถูกก�ำหนดมาจากเมืองฟ้า
เมืองแถน นั่นคือมนุษย์ทุกคนจะมีสายแนนหรือสายม่ิงสายแนนประจ�ำตัวคล้ายกับไม้เครือเถาข้ึนอยู่บน
สวรรค์ ถ้าเป็นเนอ้ื คู่กนั สายแนนจะพันเกีย่ วกนั อยู่

       3.4 	เรื่องย่อ
            มเี มอื งใหญส่ องเมอื งชอื่ วา่ เมอื งกาสแี ละเมอื งกายซงึ่ มสี มั พนั ธไมตรที ด่ี ตี อ่ กนั มาชา้ นาน เมอื ง

กาสมี ที า้ วพรมสเี ป็นกษตั ริย์ปกครอง มนี างพิมพาเป็นมเหสี และมโี อรสชอื่ วา่ ทา้ วขลู ู ส่วนเมอื งกายนน้ั มี
ท้าวปุตตราชเป็นกษัตริย์ครองนคร มีมเหสีชื่อนางจันทา และมีธิดาผู้มีรูปโฉมสวยงามช่ือว่านางอ้ัว หรือ
นางอั้วเค่ียม เจา้ เมอื งเเละมเหสที ัง้ สองเมอื งตา่ งกเ็ ปน็ เพอื่ น (เส่ียว) กัน เเละเคยใหค้ ำ� มัน่ สัญญากนั ไวว้ า่
ถา้ ฝา่ ยหนง่ึ ฝา่ ยใดมลี กู ชายลกู สาวจะยกใหอ้ ภเิ ษกสมรสกนั ทงั้ ทา้ วขลู เู เละนางอว้ั เกดิ ปเี ดยี วกนั ตอ่ มาบดิ า
ของทั้งสองได้เสียชีวิตลง มีเพียงมารดาที่ปกครองเมืองและเลี้ยงดู เม่ือท้าวขูลูเติบโตขึ้นอยากมีคู่ครอง
จึงลามารดาไปเท่ยี วเมอื งกายนครไดพ้ บกบั นางอว้ั เเละมจี ติ ใจสิเน่หาปฏิพัทธซ์ งึ่ กนั เเละกนั ทา้ วขูลูนนั้ อยู่
เมอื งกายระยะหนงึ่ จงึ ขอลานางอวั้ กลบั เมอื งเพอ่ื จะสง่ ผใู้ หญม่ าสขู่ อภายหลงั ขนุ ลางกษตั รยิ เ์ มอื งขอมไดย้ นิ
กติ ตศิ พั ทค์ วามงามของนางองั้ จงึ เกดิ ความรกั ตอ่ นางอวั้ ไดส้ ง่ ผใู้ หญม่ าสขู่ อนางอวั้ เเละมารดาของนางอว้ั
กร็ บั ปาก เนอ่ื งจากนางไมพ่ อใจมารดาทา้ วขลู ซู ง่ึ เคยเปน็ เพอ่ื นรกั กนั แตเ่ มอ่ื ตอนตง้ั ครรภน์ างไปเทย่ี วสวน
อทุ ยานเมืองกาสี ครั้นเหน็ ผลไมส้ ม้ เกล้ยี งในสวน นางก็อยากจะกนิ เเต่ว่ามารดาท้าวขลู ไู มใ่ หเ้ พราะว่ายัง
ไม่สกุ นางเกดิ ความน้อยใจเเละโกรธจึงตดั ขาดจากความเป็นเพือ่ นรักกนั ส่วนนางอ้ัว เมอ่ื ทราบว่ามารดา
   59   60   61   62   63   64   65   66   67   68   69