Page 38 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 38

2-28 ทฤษฎีและการวจิ ารณภ์ าพยนตร์

                          ภาพที่ 2.5 ภาพยนตร์เรอ่ื ง Battleship Potemkin
       ภาพยนตร์แนวรูปแบบนิยมที่โดดเด่นอย่างมาก รู้จักกันในนามของ Soviet Montage cinema
และผู้สร้างภาพยนตร์ท่ีมีอิทธิพลต่อการสร้างภาพยนตร์ไปทั่วโลกพร้อมกับทฤษฎีมองทาจของเขา
(Soviet Montage Theory) ก็คือ เซอร์ไก ไอเซนสไตน์ผู้สร้างเร่ืองส�ำคัญๆ เช่น Strike (1924) Battle-
ship Potemkin (1925) และ October (1928) ไอเซนสไตน์มองช็อต (shot) ในภาพยนตร์เหมือนกับเป็น
เซล (cell) ท่ีมีการเจริญแบ่งตัว และมองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างช็อตในลักษณะท่ีขัดแย้งและปะทะ
กันจนเกิดเป็นความหมายอย่างใหม่ ซงึ่ ดนู า่ สนใจกวา่ การนำ� ชอ็ ตมาเรยี งตอ่ กนั ไปตามลำ� ดบั เรอ่ื ยๆ ซง่ึ ไม่
เกดิ ความแปลกอะไร ความขดั แยง้ ระหวา่ งชอ็ ตยงั ท�ำไดห้ ลายรปู ทรงในเชงิ เรขาคณติ ทง้ั แนวนอน แนวตง้ั
เสน้ ทแยงมุม การสรา้ งความสมดุลในภาพ ตลอดจนความแตกตา่ งของแสงเงา ซง่ึ เห็นไดจ้ ากฉากจลาจล
ในภาพยนตรเ์ รอื่ ง Battleship Potemkin ไอเซนสไตนใ์ ชม้ มุ กลอ้ งเลา่ เรอื่ งการฆา่ ประชาชนไดอ้ ยา่ งแปลกตา
น่าสนใจ เขาตัดแยกซอยย่อย ภาพจากมุมต่างๆ มาเรียงสลับกันให้คนดูต่ืนตัวอยู่ตลอด บางเหตุการณ์
เพยี งแค่กะลาสเี รือขวา้ งจานแตกก็ใช้การถ่ายถึง 11 ชอ็ ตต่อการฉาย 3 วนิ าทที ั้งที่แสดงจรงิ เพยี ง 1 วนิ าที
เพือ่ สรา้ งความงามและความร้สู ึกต่อภาพ
       วธิ กี ารมองทาจของไอเซนสไตนย์ งั ชว่ ยสรา้ งภาพลวงตาหรอื ความรสู้ กึ ของการเคลอื่ นไหวหรอื การ
เปลย่ี นแปลงในบางอยา่ งไดง้ ดงามอกี ดว้ ย เช่น ภาพหนง่ึ ของใบหน้าผ้หู ญงิ สวมแว่นตาปรากฏขึ้นแลว้ ค่ัน
ดว้ ยภาพอนื่ ๆ แลว้ กลบั มาทใ่ี บหนา้ ของหญงิ คนเดมิ นห้ี ากแตค่ ราวนม้ี เี ลอื ดเตม็ ใบหนา้ ของเธอนนั่ หมายถงึ
เธอถูกยิงซึ่งละภาพเอาไว้มิได้เสนอให้เห็น นอกจากน้ีก็ยังมีความไม่สมเหตุผลในความจริง แต่เป็นการ
อุปมาอปุ ไมย เชน่ ใหเ้ หน็ สิงโตหนิ ซึ่งอยใู่ นท่านอนหลบั ลกุ ผงาดขึ้นสง่ เสยี งคำ� รามเป็นสัญลกั ษณข์ องการ
ลกุ ฮอื ข้นึ ตอ่ สขู้ องกะลาสแี หง่ เรอื รบโพเทมคนิ (Battleship Potemkin) ซ่ึงอาจไม่เปน็ ท่เี ข้าใจของคนดู
       ไอเซนสไตน์และผู้สร้างภาพยนตร์รูปแบบนิยมคนอื่นๆ ไม่เป็นท่ีพึงพอใจของผู้น�ำรัสเซียด้วยมี
ความคดิ รนุ แรงและแหวกแนวเกนิ ไป ผสู้ รา้ งหลายคนจงึ ถกู จบั ขงั คกุ หรอื ไมก่ ถ็ กู เนรเทศไปไซบเี รยี จนเสยี
   33   34   35   36   37   38   39   40   41   42   43