Page 30 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 30

3-20 ทฤษฎแี ละการวจิ ารณภ์ าพยนตร์

เรื่องที่ 3.2.2
เซอร์ไก ไอเซนสไตน์

       เซอร์ไก ไอเซนสไตน์ (Sergei Eisenstein) นักทฤษฎีและผู้สร้างภาพยนตร์ชาวรัสเซีย เขียน
หนงั สอื ภาพยนตรท์ ่สี �ำคัญ 2 เล่ม ชื่อ Film Sense (1942) และ Film Form (1949) โดยได้ใชภ้ าพยนตร์
เรื่องแรกๆ ท่ีเขาสร้างและภาพยนตร์ของดี ดับเบ้ิลยู กริฟฟิธ (D.W. Griffith) มาเป็นพ้ืนฐานในการ
ศึกษาและพัฒนาทฤษฎีการสร้างภาพยนตร์ซึ่งให้ความส�ำคัญกับ “การเลือกและการจัดวางช็อตแต่ละ
ช็อต” หรือมองทาจ (montage) ว่าเป็นหัวใจของกระบวนการสร้างสรรค์งานและควบคุมองค์ประกอบ
อันหลากหลายของภาพยนตร์ ไอเซนสไตนย์ ังยอมรบั เทคโนโลยีใหม่ๆ ของภาพยนตร์ดว้ ยเพราะเท่ากับ
เปน็ องค์ประกอบใหมๆ่ ใหผ้ กู้ ำ� กบั ไดค้ วบคุมเหมือนกับ “สชี นดิ ใหม่ในจานผสมสีของจิตรกร”

       ไอเซนสไตน์เห็นว่าช็อตแต่ละช็อตให้ข้อมูลดิบซ่ึงไม่ใช่แค่เพียงรายละเอียดทางกายภาพและการ
แสดงเทา่ นน้ั แตย่ งั ใหค้ วามคดิ ในเชงิ นามธรรม (abstract concepts) ดว้ ย ความคดิ ทไี่ มอ่ าจมองเหน็ ภาพ
ไดน้ อ้ี าจถกู นำ� เสนอผา่ นคณุ คา่ ทส่ี มั พนั ธก์ นั ซงึ่ รวมถงึ คณุ คา่ แหง่ อาการตนื่ ตระหนก (shock value) จาก
การเชื่อมภาพที่ตรงข้ามกันหรือขัดแย้งกันดังที่เขาใช้ในเรื่อง The Battleship Potemkin ตอน The
Odessa Steps ซึ่งถือเป็นตอนท่ีเป็นแบบฉบับของทฤษฎีมองทาจที่มีช่ือเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์
ภาพยนตร์ ไอเซนสไตน์ให้เหตุผลว่าล�ำพังช็อตเดี่ยว ๆ น้ันไม่มีความหมายอะไรจนกว่าจะน�ำไปวางเรียง
ต่อกับช็อตอ่ืน ๆ น่ันแหละจึงจะเกิดความหมายขึ้นมา (Stromgren & Norden, 1984, pp. 246-248)

              ภาพที่ 3.4 เซอร์ไก ไอเซนสไตน์ นักทฤษฎีและผู้สร้างภาพยนตร์ชาวรัสเซีย
   25   26   27   28   29   30   31   32   33   34   35