Page 32 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 32
3-22 ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
ดว้ ยเหตผุ ลดงั กลา่ ว การตดั ตอ่ ของไอเซนสไตน์จงึ เป็นไปอยา่ งแหลมคม เขม้ ข้น กระแทก ปะทะ
กัน และรุนแรงปลกุ เร้าใหค้ นดตู ่นื ตัวอย่ตู ลอดเวลา ผลของความขัดแย้งกันระหว่างช็อต A (thesis) และ
ช็อต B (anti-thesis) จะได้ตัวประกอบใหม่คือ C (synthesis) ไม่ใช่ AB ตามแนวคิดของพูดอฟกิน หรอื
อาจเขียนใหช้ ัดเจนดังน้ี
ช็อต A + ช็อต B = AB (พดู อฟกิน)
ช็อต A + ชอ็ ต B = C (ไอเซนสไตน)์
(Giannetti, 1976, p. 155)
บางตำ� รายงั กลา่ ววา่ สมการของไอเซนสไตนค์ อื A × B = Y เพราะชอ็ ตปะทะกนั ไมใ่ ชม่ ารวมกนั
เมอ่ื ใบหนา้ ของนกั ธรุ กจิ ถกู ตดั ตอ่ เขา้ กบั ภาพของสนุ ขั จงิ้ จอกในภาพยนตรเ์ รอ่ื ง Strike ทเ่ี ขาสรา้ งในปี 1924
จงึ มีความหมายถงึ การเป็นคนเจ้าเลห่ ์ฉลาดแกมโกง สุนขั จิ้งจอกเขา้ มาเป็นตัวอปุ มาเปรียบเทียบ
สนุ ขั จง้ิ จอก × นกั ธุรกจิ = ฉลาดแกมโกง
แต่ส�ำหรับการเรียงช็อตตามแบบของพูดอฟกินอาจได้ความสอดคล้องกัน ตัวอย่างเช่น ในเรื่อง
Tol’able David (1921) ของผู้กำ� กับเฮนรี่ คิง (Henry King) มีภาพของคนจรจัดบุกรุกเข้าไปในบ้าน
หลงั หนึ่งตอ่ ดว้ ยภาพเขาเห็นลูกแมว และทนั ใดนัน้ เขาเอากอ้ นหินปาลกู แมว ซ่ึงพูดอฟกินอธบิ ายวา่
คนจรจัด + ลกู แมว = ทารณุ โหดร้าย
(Dick, 1998, p. 237)
อยา่ งไรกต็ าม ตวั อยา่ งของทฤษฎกี ารตดั ตอ่ แบบขดั แยง้ ปะทะกนั รนุ แรงของไอเซนสไตนไ์ ดแ้ สดง
ใหป้ ระจักษไ์ ว้ในฉาก The Odessa Steps ในภาพยนตรเ์ ร่ือง The Battleship Potemkin (1925) ของ
เขา ซง่ึ เปน็ ตวั อย่างของศิลปะการตัดต่อทมี่ ีชื่อเสียงทสี่ ุดในประวัตศิ าสตร์ของภาพยนตร์เงียบ โดยไอเซน
สไตนน์ ำ� ช็อตทีต่ ่างกนั มาวางตอ่ กันดังนี้
ชอ็ ตสวา่ ง + ชอ็ ตมืด
ช็อตยาว + ช็อตสนั้
ช็อตแนวตั้ง + ชอ็ ตแนวนอน
ช็อตภาพระยะใกล้ + ชอ็ ตภาพระยะไกล
ช็อตภาพนง่ิ + ชอ็ ตภาพเคลอื่ นไหว
กิจกรรม 3.2.2
1. เซอรไ์ ก ไอเซนสไตน์ ใหค้ วามสำ� คญั กบั สงิ่ ใดมากทสี่ ดุ ในกระบวนการสรา้ งสรรคง์ านภาพยนตร์
2. เซอร์ไก ไอเซนสไตน์ มีแนวคิดเก่ยี วกบั ศิลปะอย่างไร
3. วธิ กี ารตัดตอ่ ของเซอรไ์ ก ไอเซนสไตน์เป็นอยา่ งไร