Page 25 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 25

การเลา่ เรือ่ งในภาพยนตร์ 8-15

คนอ่ืนๆ กอ็ าจจะตคี วาม 31 ฟงั ก์ชนั แตกต่างไปจากพร็อพตีความ นอกจากน้ี ฟงั กช์ นั 31 ฟงั ก์ชันนั้น
เป็นแค่การอธิบายโครงสร้าง หรือไวยากรณ์ (langue) ไม่ได้พิจารณาถึงลีลา (parole) อันเป็นด้านที่
ด้ินได้ เช่น การท่ีพระเอกได้รับแหวนน้ัน (the hero receives a ring) อาจจะถูกตีความให้มีหน้าท่ี
แตกตา่ งกนั ออกไปในตวั บททแี่ ตกตา่ งกนั เชน่ ในตวั บทหนงึ่ การไดร้ บั แหวนอาจจะหมายถงึ การไดร้ บั ของ
วเิ ศษ แตใ่ นตัวบทหนง่ึ อาจจะหมายถึงการไดร้ ับส่งิ ท่ีเปน็ โทษ อันตราย อนั สามารถท�ำใหช้ ีวิตตกต่ําได้

2. 	 การศึกษาเรื่องเล่าของโคลด เลว่ี สเทราส์

       โคลด เลว่ี สเทราส์ (Claude Levi-Strauss, 1908-2009) ไดท้ ำ� การศกึ ษาโครงสรา้ งการเลา่ เรอื่ ง
ของนทิ านปรัมปรา เรื่องโอดิปุส (Odeipus) ในปี ค.ศ. 1958 โดยใชแ้ นวคิดเร่อื งการเปรยี บเทยี บความ
สมั พนั ธแ์ บบคตู่ รงขา้ ม (binary oppositions) ในการตคี วามวรรณกรรมมหากาพยช์ นิ้ น้ี แนวทางการศกึ ษา
เช่นนี้ย่อมแตกต่างไปจากการศึกษาสายภาษาศาสตร์ท่ีมีอิทธิพลในขณะนั้น ซึ่งมักจะเป็นการศึกษาเพ่ือ
ม่งุ หาความงามในวรรณกรรม

       เลว่ี สเทราส์ ทำ� การวิเคราะห์หาซินแทกมาตกิ (syntagmatic) และพาราดกิ มาตกิ (paradig-
matic)2 เพอื่ ดคู วามสมั พนั ธร์ ะหวา่ งโครงสรา้ งทง้ั สอง ซง่ึ เขาเรยี กวา่ “พาราไดม์” (paradigms) แลว้ พบวา่
โครงสรา้ งของนทิ านปรัมปราเรอื่ งโอดิปสุ ประกอบด้วยโครงสรา้ ง 2 ขวั้ (set of dichotomies) ดงั นี้

       โครงสร้างที่ 1 ประกอบดว้ ยชดุ ความคิด 2 ชุดที่ขดั แยง้ กนั ดงั น้ี
            ชุดความคิดที่ 1 เป็นชุดการเล่าเร่ืองที่ให้ความส�ำคัญกับความสัมพันธ์ทางสายเลือดมาก

กลา่ วคอื เป็นชดุ การเล่าเรอ่ื งทแ่ี สดงถึงความสัมพันธท์ ีใ่ กล้ชดิ ระหว่างสายเลอื ดเดยี วกันซ่งึ แสดงออกผ่าน
ความรัก ความหว่ งใย หรือการกระชับสายสัมพันธ์ให้แนน่ แฟน้ ข้นึ เชน่ การท่ี Cadmos ตามหานอ้ งสาว
ของเขา Europa ทีถ่ ูก Zeus ข่มขืน การท่ี Odepus แตง่ งานกบั แมข่ องเขา Jocasta

            ชุดความคิดท่ี 2 เป็นการเล่าเรื่องที่ให้ความส�ำคัญกับความสัมพันธ์ทางสายเลือดน้อย
กล่าวคอื เปน็ ชดุ การเลา่ เร่อื งทีแ่ สดงวา่ ตัวละครไมใ่ หค้ วามส�ำคัญกับความผกู พนั ในสายเลอื ดเดยี วกนั เชน่
โอดปิ ุสฆา่ พอ่ ของตนเอง Eteocles ฆา่ พีช่ ายของเขา Polynices

       โครงสร้างท่ี 2 ประกอบดว้ ยชุดความคดิ 2 ชุดทีข่ ัดแยง้ กัน ดงั นี้
            ชุดความคิดที่ 3 เป็นชุดการเล่าเร่ืองท่ีปฏิเสธจุดก�ำเนิดตัวตนของมนุษย์ (the denial of

the autochthonous origin of man) กลา่ วคอื เปน็ ชดุ การเลา่ เรอื่ งทแี่ สดงออกวา่ ตวั ละครนน้ั ไมใ่ หค้ ณุ คา่
และคกุ คามตอ่ สง่ิ ทเี่ ชื่อกนั วา่ เปน็ จุดก�ำเนิดของมนุษย์ เช่น Cadmos ฆ่ามังกร โอดปิ สุ ฆา่ สฟงิ คส์

            ชุดความคิดท่ี 4 เป็นชุดการเลา่ เร่ืองทีร่ กั ษาจดุ กำ� เนิดตัวตนของมนุษย์ (the persistence
of the autochthonous origin of man) กลา่ วคอื เปน็ ชดุ การเลา่ เรอื่ งทแี่ สดงออกวา่ ตวั ละครนนั้ ใหค้ ณุ คา่
ตอ่ สิง่ ที่เช่ือกนั วา่ เปน็ จุดก�ำเนิดของมนษุ ย์ เช่น ตัวละครทชี่ ่ือ Labdacos ซงึ่ เปน็ พอ่ ของ Laios หมายถึง
ความพกิ าร

         2 ความสมั พันธแ์ บบพาราดิกมาติก คือ การเลอื กชุดสัญญะจากหมวดหม่เู ดียวกนั (structural relations of choices)
เปรียบเสมือนการเลือกเส้ือยืดใส่สักตัวจากบรรดาเสื้อยืดท้ังหมดที่เรามีอยู่ ในการสร้างสรรค์ภาพยนตร์ ผู้สร้างอาจจะเลือกนางเอก
ในหมวดหมขู่ องนางเอกซึง่ มนี างเอกหลายแบบให้เลอื ก เช่น นางเอกแสนหวาน นางเอกแก่นเซ้ียว นางเอกผตู้ อ่ สชู้ วี ิตอนั แสนข่นื ขม
นางเอกคณุ หนูเอาแต่ใจตัวเองแต่จิตใจดีงาม เปน็ ตน้
   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30