Page 19 - ภาษาและทักษะเพื่อการสื่อสาร
P. 19
ความรพู้ น้ื ฐานเกย่ี วกบั ภาษาเพอ่ื การส่อื สาร 1-9
- ความหมายท่แี ทนรูปธรรม เช่น คน ตน้ ไม้ สัตว์ เป็นต้น
- ความหมายท่ีแทนนามธรรม เชน่ หนาว ร้อน ชอบ สวย สบาย ดี ชั่ว เป็นต้น
- ความหมายของคำ� ทมี่ บี รบิ ทหรอื ตำ� แหนง่ เปน็ ตวั บงั คบั เชน่ ไกข่ นั ตอนเชา้ /ขนั / หมายถงึ
กริ ิยาอาการส่งเสียงของไก่ เขาใชข้ นั ตกั นำ้� /ขัน/ หมายถงึ ภาชนะทใี่ ชต้ ักนำ้� เป็นตน้
2. หน้าท่ีของภาษา
ภาษาท่ีมนุษย์ใช้กันอยู่ในปัจจุบันมีหน้าท่ีต่างๆ แบ่งออกเป็น 4 ด้าน ตามการวิเคราะห์ของ
สวนติ ยมาภยั (2546) ไดแ้ ก่ ภาษาพาสาร ภาษารวบกาลเวลา ภาษาชว่ ยพฒั นาชวี ติ มนษุ ย์ และภาษา
กอ่ ใหเ้ กดิ ความสมานฉันท์
2.1 ภาษาพาสารจากคนหนึ่งไปยังคนอ่ืน ๆ มนุษย์มีการส่ือสารอยู่ตลอดเวลา แม้ในขณะที่อยู่
ตามลำ� พังหรอื การใช้ความคดิ น่ันคอื การส่อื สารกบั ตัวเอง ซึง่ ในการส่ือสารในระดบั บุคคลเชน่ นี้ สาร คอื
เรอ่ื งราวทมี่ คี วามหมายทเี่ กดิ ขน้ึ ในสมองและความรสู้ กึ นกึ คดิ ของแตล่ ะบคุ คล และจะแสดงออกไปยงั ผคู้ นอนื่
ได้โดยผา่ นภาษา
เมื่อคนเราใช้ความคิดในการสื่อสารกับตัวเอง (intrapersonal communication) สื่อสารกับ
บคุ คลอนื่ แบบตวั ตอ่ ตวั (interpersonal communication) สอื่ สารในระดบั กลมุ่ (group communication)
และส่อื สารสาธารณะ (public communication) เรากต็ ้องมกี ระบวนการคดิ ซงึ่ การคิดนีจ้ ะอยูใ่ นรปู ของ
ภาษาใดภาษาหนงึ่ ตามทตี่ นเองถนดั หรอื เหมาะสมแกเ่ รอ่ื งทก่ี ำ� ลงั คดิ และหากมกี ารแสดงออกมาดว้ ยภาษา
เดียวกับภาษาที่ใช้ในกระบวนการคิด การส่ือสารท่ีเกิดข้ึนมักจะด�ำเนินไปด้วยความราบรื่น แต่หากต้อง
แสดงออกดว้ ยภาษาทแี่ ตกตา่ งจากภาษาทใ่ี ชใ้ นกระบวนการคดิ การสอื่ สารทเ่ี กดิ ขน้ึ มกั จะไขวเ้ ขวหรอื เกดิ
ความสบั สนได้ ดงั นน้ั ผทู้ รี่ แู้ ละเชย่ี วชาญในภาษาทห่ี ลากหลายจงึ มคี วามไดเ้ ปรยี บและสอื่ สารไดด้ กี วา่ ผู้ที่รู้
เพียงภาษาเดียว
2.2 ภาษารวบกาลเวลาให้คนในปัจจุบันเข้าถึงอดีตและอนาคต หากเราแบ่งช่วงเวลาออกเป็น
สว่ นๆ เราจะสามารถแยกชว่ งเวลาไดเ้ ปน็ 3 ชว่ ง ไดแ้ ก่ อดตี ปจั จบุ นั และอนาคต สง่ิ ทเี่ กดิ ขนึ้ ในอดตี เปน็
สง่ิ ทเี่ คยเกดิ ขนึ้ และผา่ นพน้ ไปแลว้ แตอ่ าจยงั คงหลงเหลอื อยใู่ นความทรงจำ� ของบางคน และอาจเลอื นหาย
ไปได้เม่ือเวลาผ่านพ้นไปเรื่อยๆ ส่วนปัจจุบันก็จะกลายเป็นอดีต และอนาคตก็ต้องกลายเป็นปัจจุบันและ
กลายเป็นอดตี เมื่อเวลาผา่ นไป และจะยงั คงเป็นเชน่ น้ตี อ่ ไปเสมอ
ดงั นน้ั หากเราไมม่ ภี าษาเพอื่ ใชใ้ นการบนั ทกึ เรอ่ื งราวหรอื เหตกุ ารณท์ เี่ กดิ ขนึ้ รวมถงึ ทค่ี าดการณ์
หรอื พยากรณ์ว่าจะเกิดในอนาคต มนษุ ย์กจ็ ะมีชีวิตอยแู่ คป่ ัจจุบัน และไมม่ กี ารเรียนร้สู ิ่งตา่ งๆ จากบคุ คล
อน่ื แตเ่ มอื่ เรามภี าษา เราจะสามารถเรยี นรสู้ ง่ิ ทถี่ กู บนั ทกึ ไวใ้ นอดตี เมอื่ ตอ้ งการสรา้ งสรรคส์ งิ่ ใดกไ็ มจ่ ำ� เปน็
ตอ้ งเรม่ิ ตน้ ลองผดิ ลองถกู ใหมท่ กุ ครงั้ เพราะสามารถใชข้ อ้ มลู จากเรอื่ งราวในอดตี หรอื จากบนั ทกึ ของบคุ คล
อน่ื ได้ สิง่ เหลา่ นที้ �ำให้สังคมของมนษุ ยก์ ้าวไปขา้ งหนา้ อยา่ งรวดเร็ว หรอื อาจกล่าวให้เข้าใจได้งา่ ยคือ เม่ือ
มภี าษา มนษุ ยจ์ งึ ใชภ้ าษาเขยี นหนงั สอื ใหผ้ อู้ น่ื อา่ น เมอ่ื คนอา่ นหนงั สอื กจ็ ะไดร้ บั ความรู้ มมุ มอง ความคดิ
จนิ ตนาการ ประสบการณต์ า่ งๆ ของผู้เขยี น เปน็ การเรียนร้ทู ร่ี วดเร็วและกวา้ งขวางมาก