Page 153 - เมื่อวัยใสเขียนเรื่องภูมิปัญญาไทย
P. 153
สุพชิ ญา เทพวัลย
มนษุ ยเ ริ่มตั้งถน่ิ ฐานเปน หลกั เปน แหลงมากขึ้น
โดยเรมิ่ จากการตงั้ ถนิ่ ฐานใกลๆ พนื้ ปา และแหลง นำ้ กอ น
จะขยบั ขยายอาณาเขตของตนไปเรอื่ ยๆ จนมพี นื้ ทใี่ ชป ลกู
พวกนอ งตน ขา วหรอื เลย้ี งนอ งหมู นอ งไก นอกจากนพี้ วก
“ เขายังมีการทำเครื่องมือตางๆ จากสิ่งตางๆ อีกดวย
ตอมามนุษยเริ่มมีการแบงแยก เพราะความที่
พวกเขามีความคิดเห็นไมตรงกันบางหรือแมแตการ
สบื ทอดมรดกของคนทมี่ ลี กู หลานหลายคน ทำใหเ กดิ
“ภมู ิปญญา” เหตุการณตางๆ ที่รายแรงที่สุดคือการทำรายรางกาย
จนถงึ ขน้ั เสยี ชวี ติ พวกเขาจงึ เรม่ิ แบง ขา วของหรอื พื้นที่
ภมู ิ หมายถึง ความรู ตางๆ เปนของตัวเองและของคนอื่น ซึ่งเรื่องนี้ลุงกอน
“
สวนปญญา เมฆที่ลอยอยูบนทองฟาเปนคนที่เห็นเหตุการณอยาง
ชัดเจนที่สุดเปนคนเลาใหฟง
หมายถงึ ความคดิ แตม นษุ ยก ย็ งั คงเขา มาในปา เพอื่ ลา สตั ว เกบ็
พวกพืชสมุนไพรตางๆ หรือแมแตเก็บเศษไมเศษฟน
จากกิ่งที่หักแลวของฉันกับปูสักดวย
นาน้ำฝนบอกวา เวลาที่นาน้ำฝนไปตกยัง
พื้นที่ที่มีผูคนอาศัยอยู คนในบริเวณนั้นจะดีใจกันมาก
แตถาวันไหนที่นาน้ำฝนอารมณไมดี เวลาไปที่ไหนนาน้ำ
ฝนจะตกแบบไมลืมหูลืมตาเพื่อเปนการระบายอารมณ
ทำใหมนุษยเขาใจผิด แลวมีความเชื่อกันไปตางๆ นานา
จนเกิดเปนวิธีการแกไขตางๆ มากมาย เชน การปก
ตะไครเพื่อไมใหนาน้ำฝนตกหรือการแหนางแมวเพ่อื ให
นา นำ้ ฝนไปหา
วิธีการตางๆ เมื่อสืบทอดตอกันมาก็กลายเปน
สิ่งที่ผูคนตองปฏิบัติจึงเปลี่ยนชื่อเปนพิธีกรรม นอกจาก
๑๔๕