Page 151 - การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
P. 151
การเสริมพลังในการส่งเสริมสุขภ าพและก ารป้องกันโรค 5-39
ที่พ บในก ารป ระชุมป ระจำเดือนของอ งค์กรห รือชุมชน การจ ัดให้ม ีท ีมงานแ ละผ ู้บ ริหารต ิดตามเยี่ยมช มก ารด ำเนินง าน
ตามแ ผนงานข องแต่ละก ลุ่ม การจัดเวทีนำเสนอผ ลง าน มีการจัดป ระกวดและให้รางวัลกลุ่มที่ม ีผ ลง านโครงการด ีเด่น
เป็นต้น
5) การป ระเมนิ ผ ลส ง่ิ ท ไ่ี ดเ้ รยี นร จู้ ากก ารด ำเนนิ ง าน และก ารป รบั ปรงุ ก ระบวนการพ ฒั นาอ ยา่ งต อ่ เนอ่ื ง เพื่อ
ให้กลุ่มเป้าหมายเกิดการพัฒนาปัญญาและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งควรสนับสนุนให้กลุ่มมีการสรุปบทเรียนที่ได้
จากการด ำเนินก ิจกรรมเป็นร ะย ะๆ เช่น ภายห ลังท ี่กลุ่มจ ัดกิจกรรมในชุมชน และป ระเมินผ ลเมื่อท ำโครงการเสร็จส ิ้น
ว่าบ รรลุต ามว ัตถุประสงค์ห รือไม่เพียงใด รวมท ั้งป ระเมินก ารเรียนร ู้ท ี่เกิดข ึ้น เพื่อท ี่จ ะได้ท ราบว ่า ผลท ี่เกิดข ึ้นก ับก ลุ่ม
เป้าห มายท ี่ร ับผ ลง าน เช่น ผู้ส ูงอ ายุ เยาวชน ประชาชน กลุ่มด ้อยโอกาส เป็นต้น รวมท ั้งส มาชิกก ลุ่มท ี่มาร ่วมเรียนร ู้แ ละ
ทำงานร่วมกัน อันจ ะน ำไปส ู่ก ารให้ข ้อเสนอแนะที่เป็นป ระโยชน์ต ่อก ารด ำเนินงานครั้งต่อไป งานบ างอย่างถ ้าประเมิน
ผลแ ล้วพบว่า ได้ผลดี มีป ระสิทธิภาพ สามารถกำหนดเป็นแนวทางการทำงานข องกลุ่มต ่อไปได้ จนกว่าจะสามารถคิด
วิธีก ารใหม่ๆ ที่ด ีก ว่าเดิมม าใช้แ ทน นอกจากน ี้ผ ลก ารป ระเมินผ ลโครงการย ังส ามารถจ ัดท ำเป็นบ ทเรียนส รุปท ี่ส ามารถ
นำไปเผยแพร่ หรือแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับกลุ่ม ชุมชน หรือเครือข่ายอื่นๆ ต่อไปได้ แสดงถึงการพัฒนาเข้าสู่องค์กร/
ชุมชนแห่งการเรียนร ู้ และมีก ารพัฒนาอ ย่างต ่อเนื่อง
การสร้างแนวคิดและพัฒนาทักษะในกระบวนการเสริมพลังเป็นสิ่งที่สามารถทำได้หากทุกฝ่ายเปิดใจกว้างที่
จะเรียนร ู้ โดยก ารเสริมพลังใช้ก ระบวนการมีส่วนร่วมของผู้ท ี่เกี่ยวข้องกับปัญหา เน้นการพัฒนาศักยภาพของบ ุคคล
กลุ่ม องค์กร ชุมชน เพื่อน ำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาร ่วมกันอย่างสร้างสรรค์ ดังน ั้น การพ ัฒนาแนวคิดแ ละทักษะข อง
เจ้าห น้าทีส่ าธารณสุข เพื่อท ีจ่ ะส ามารถน ำไปใชใ้นก ารจ ัดก ิจกรรมก ารเสริมพ ลังใหก้ ับบ ุคลากรในอ งค์กร หรือป ระชาชน
ในชุมชนต่อไป จำเป็นต้องใช้ก ระบวนการการมีส่วนร ่วมเช่นกัน โดยเจ้าห น้าที่สาธารณสุขต้องได้ส ัมผัสแ ละเรียนร ู้ใน
กจิ กรรมก ารเสรมิ พ ลงั ต ่างๆ สามารถส รา้ งท ีมง านแ ละว างแผนก ารด ำเนินก ิจกรรมส ร้างพ ลงั ในก ลุ่มเป้าห มายร ว่ มก นั ได้
ไดเ้ห็นบ รรยากาศก ารจ ดั ก ิจกรรมก ารเรียนร ูท้ ีส่ นุกสนานไมน่ ่าเบื่อ สามารถส ร้างพ ลงั ใจใหก้ ับส มาชิกท ีเ่ข้าร ่วมก ิจกรรม
ให้มองเห็นค ุณค่าต นเอง และเพื่อนส มาชิก เกิดความรักในอ งค์กรและช ุมชนของตน และพร้อมที่เข้าไปม ีส ่วนร ่วมใน
การพ ัฒนาอ งค์กร/ชุมชนส ู่เป้าห มายท ี่ต ้องการร ่วมก ัน อย่างไรก ็ตาม ประสบการณ์แ ละก ารฝ ึกฝนก ารท ำก ิจกรรมส ร้าง
พลังในกลุ่มต่างๆ จะทำให้สามารถปรับป ระยุกต์ก ิจกรรมให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายแ ละเงื่อนไขต่างๆ ได้ด ีย ิ่งข ึ้น
โดยไม่จำเป็นต้องย ึดต ิดกับชื่อห ลักสูตร กิจกรร มใดๆ อย่างต ายตัว
กจิ กรรม 5.2.3
หวั ใจสำคัญข องการจดั กิจกรรมเสรมิ พลงั ให้ป ระสบค วามส ำเรจ็ มอี ะไรบ ้าง
แนวตอบก จิ กรรม 5.2.3
หัวใจส ำคญั ในก ารเสรมิ พลงั ใหป้ ระสบความส ำเร็จม ดี งั นี้
1) การส ร้างค วามรกั และค วามภาคภูมใิ จในต นเอง กลุ่ม องค์กร หรอื ช ุมชนข องต น
2) การส รา้ งทีมง านในการพัฒนาก ล่มุ องค์กร ชุมชน
3) การพ ฒั นาท กั ษะในการแกไ้ ขปญั หา ไดแ้ ก่ ความส ามารถในการระบปุ ัญหาข องก ลมุ่ หรือชมุ ชน
4) การวเิ คราะห์โยงใยป จั จยั สาเหตขุ องปญั หา และการว างแผนก ารแกไ้ ข/พัฒนา
5) การสนับสนุนให้มกี ารด ำเนนิ การตามแ ผนที่วางไว ้
6) การป ระเมนิ ผ ลส งิ่ ท ไ่ี ดเ้ รยี นร จู้ ากก ารด ำเนนิ ง าน และก ารป รบั ปรงุ ก ระบวนการพ ฒั นาอ ยา่ งต อ่ เนอ่ื ง
ลิขสทิ ธ์ขิ องมหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช