Page 156 - การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
P. 156
5-44 ก ารส่งเสริมสุขภ าพและก ารป้องกันโรค
4) ข้อมูลด้านประชากร ที่เกี่ยวข้องกับอายุ เพศ สถานภาพสมรส การศึกษา อาชีพ ฯลฯ ของ
ประชากรในช ุมชน เพื่อที่จะส ามารถน ำม าใช้ป ระกอบก ารวิเคราะห์ค วามต ้องการ ความเสี่ยง และศักยภาพท ี่จ ะเข้ามา
ร่วมในก ารจัดบริการส ุขภาพ หรือกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพในช ุมชน
ข้อมูลท ีก่ ล่าวข ้างต ้นบ างอ ย่างอ าจม บี ุคคลห รือห น่วยง านท ำการเก็บร วบร วมแ ละร ายงานในร ูปข องส ถิติ
รายงานก ารส ำรวจ รายงานก ารว จิ ยั ดงั น ัน้ บคุ ลากรส าธารณสขุ จ งึ ต อ้ งท ราบแ หลง่ ข องข อ้ มลู การเขา้ ถ งึ แ ละด งึ ข อ้ มลู ม า
ใช้ อยา่ งไรก ต็ าม ขอ้ มลู บ างอ ยา่ งท มี่ คี วามเปน็ ว ชิ าการม ากท ำใหย้ ากแ กก่ ารเขา้ ใจข องส มาชกิ ช มุ ชน บคุ ลากรส าธารณสขุ
จำเป็นต ้องส ามารถน ำเสนอข ้อมูลในล ักษณะท ี่เข้าใจแ ละน ำไปใช้ป ระโยชน์ได้ง ่าย แต่ส ำหรับข ้อมูลท ี่จ ำเป็นแ ละเฉพาะ
เจาะจงบางอย่างซึ่งไม่มีการเก็บตามระบบ บุคลากรสาธารณสุขจำเป็นต้องมีสมรรถนะในการส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วน
ร่วมในการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยมีการวางแผนและพัฒนาเครื่องมือมาเก็บรวบรวมข้อมูลเอง ซึ่งอาจใช้วิธีการเชิง
ปริมาณและเชิงคุณภาพ เช่น การเฝ้าระวังพฤติกรรมเสี่ยง การประเมินชุมชนโดยการมีส่วนร่วม (Participatory
Rural Appraisal: PRA หรือ Rapid Participatory Appraisal: RPA) เป็นต้น
1.1.2 การวิเคราะห์ข้อมูลเพ่ือระบุปัญหา โดยการสนับสนุนให้ชุมชนสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเป็น
ค่าดัชนี อัตรา หรือร้อยละ ในแต่ละกลุ่มประชากร พื้นที่ และช่วงเวลา เพื่อที่จะระบุปัญหาสุขภาพในแต่ละ
กลุ่มป ระชากรได้ว ่า ใคร อยู่ที่ไหนที่เป็นกล ุ่มป่วย กลุ่มเสี่ยง หรือกลุ่มที่มีสุขภาพดี
1.1.3 การระบุปัจจัยที่เก่ียวข้องกับปัญหาสุขภาพ โดยการสนับสนุนให้ชุมชนมองความเชื่อมโยง
ระหว่างปัจจัยสาเหตุกับปัญหาสุขภาพ ในเชิงเหตุและผล เช่น พฤติกรรมการสูบบุหรี่ การดื่มสุรา การไม่ออก
กำลังกาย เป็นต้น ทั้งนี้บุคลากรสาธารณสุขสามารถประยุกต์องค์ความรู้ทางระบาดวิทยา และข้อมูลงานวิจัยต่างๆ
มาสนับส นุน การพิจ ารณาห าสาเหตุของปัญหาสุขภาพของชุมชน
1.1.4 การระบุโปรแกรมสุขภาพที่ต้องการ โดยการสนับสนุนให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในการแสดง
ความค ิดเห็นแ ละค วามต ้องการโปรแกรมส ุขภาพ ซึ่งอ าจแ ตกต ่างจ ากค วามต ้องการข องเจ้าห น้าทีท่ ีพ่ ิจารณาต ามข ้อมูล
ที่รวบรวมมาได้ ในขั้นนี้บุคลากรจำเป็นต้องมีความสามารถในการกระตุ้นการมีส่วนร่วมของชุมชนในการระบุความ
ต้องการด้านสุขภาพท ี่แท้จริง
1.1.5 การจ ดั ล ำดบั ค วามส ำคญั ข องค วามต อ้ งการ โดยก ารส นบั สนนุ ใหช้ มุ ชนพ จิ ารณาก ลวิธแี ละโอกาส
สำเร็จข องก ารด ำเนินง านโปรแกรมต ่างๆ เพื่อพ ัฒนาส ุขภาพ ก่อนท ีจ่ ะต ัดสินใจว ่า จะเลือกแ ละท ุ่มเทค วามพ ยายามก ับ
การด ำเนินง านโปรแกรมส ่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเรื่องใดในช ุมชน
1.2 การวางแผน/โครงการสุขภาพชุมชน เมื่อชุมชนได้มีการประเมินปัญหาและจัดลำดับความต้องการที่
จะทำโปรแกรมส ่งเสริมสุขภาพและป ้องกันโรคในช ุมชนที่ต้องการแ ล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ การว างแผน/โครงการ โดย
ต้องมีการกำหนดเป้าประสงค์ วัตถุประสงค์ของโครงการ การเลือกกลวิธีที่เหมาะสมในการป้องกันหรือลดปัญหา
ซึ่งบุคลากรต้องมีความสามารถในการใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มต่างๆ โดยสนับสนุนให้
สมาชิกได้มองเห็นทางเลือกของกลวิธีต่างๆ ในการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เช่น กลวิธีการสื่อสาร การปรับ
เปลี่ยนพ ฤติกรรม การฝ ึกอ บรม การผ ลักด ันน โยบาย/มาตรการท างส ังคม การป รับเปลี่ยนส ิ่งแ วดล้อม การเสริมพ ลัง
ให้ช ุมชนม ีค วามส ามารถในก ารด ำเนินง านเอง เป็นต้น ทั้งนี้ก ลวิธีก ารด ำเนินง านท ี่ด ีจ ะต ้องม ีค วามเหมาะส ม เข้าก ันได้
กับว ัฒนธรรมชุมชน รวมถ ึงตอบส นองความต ้องการข องป ระชากรเป้าหมาย
1.3 การทำงานแบบหุ้นส่วนและสร้างความร่วมมือ เนื่องจากการทำงานส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคใน
ชุมชนต ้องอ าศัยก ารม สี ่วนร ่วมข องป ระชาชนในช ุมชนแ ละอ งค์กรต ่างๆ ทีเ่กี่ยวข้อง บุคลากรส าธารณสุขจ ึงต ้องม คี วาม
สามารถในก ารส ร้างก ารม ีส ่วนร ่วม ให้ท ุกฝ ่ายเป็นห ุ้นส ่วนในก ารด ำเนินง านในเรื่องท ี่ส นใจแ ละม ีค วามต ้องการร ่วมก ัน
รวมถึงมีทักษะด้านการตลาดทางสังคม โดยสามารถใช้เครื่องมือทางการตลาดในการดำเนินงานเพื่อทำให้สังคมเกิด
ลิขสทิ ธิข์ องมหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช