Page 214 - การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
P. 214
8-48 การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
กลุ่มอาการเมตาบอลิกเป็นชื่อสำหรับกลุ่มของปัจจัยเสี่ยงซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกันและไปเพิ่มความเสี่ยงของโรค
หลอดเลือดแดงโคโรนารี โรคหลอดเลือดสมอง และโรคเบาหวานป ระเภทท ี่ 2 องค์การอนามัยโลกได้กำหนดเกณฑ์
สำหรับกลุ่มอาการเมตาบอลิกว่า ประกอบด้วย (1) ระดับอินซูลินสูง จากการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดหลังการอด
อาหาร (Fasting Blood Glucose) เกณฑ์น ี้พร้อมกับเกณฑ์อ ื่นๆ อีกอย่างน ้อย 2 เกณฑ์คือ (2) ภาวะโรคอ ้วนที่ส่วน
กลางห รอื ผ นงั ห นา้ ท อ้ ง ซึง่ ห มายถ งึ สดั สว่ นเอวถ งึ ส ะโพกม คี า่ ม ากกวา่ 0.9 และค า่ BMI มคี า่ อ ยา่ งน อ้ ยท ีส่ ดุ 30 กโิ ลกรมั /
ตารางเมตร หรือ รอบเอวม ากกว่า 37 นิ้ว (3) กลูโคสในเลือดมีระดับไตรกลีเซอไรด์อย่างน้อยท ี่สุด 150 มิลลิกรัม/
เดซลิ ติ ร หรอื HDL ตำ่ ก วา่ 35 มลิ ลกิ รมั /เดซลิ ติ ร และ (4) ความด นั โลหติ ต ัง้ แต่ 140/90 มลิ ลกิ รมั ป รอท (หรอื อ ยรู่ ะหวา่ ง
การรักษาภาวะค วามดันโลหิตสูง) (http://www.medicinenet.com/metabolic_syndrome/page2.htm)
4.4 จำกดั ก ารไดร้ บั น ำ้ ตาลแ ละเครอื่ งด มื่ ท เ่ี ตมิ น ำ้ ตาลเขา้ ส รู่ า่ งกาย น้ำตาล (นำ้ ตาลอ ิสระท ีไ่ ดร้ บั ก ารข ดั สี
จากน้ำตาลอ้อย (Sugar Beets) และสารเพิ่มความหวานจากข้าวโพดที่มีฟรุกโตสสูง ซึ่งไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ
ยกเว้น แคลอรี จึงม คี วามเกี่ยวข้องก ับส ุขภาพท างล บส ำหรับผ ู้คนท ีม่ คี วามเสี่ยงต ่อภ าวะน ้ำห นักต ัวเกินป กติ ยิ่งไปก ว่า
นั้น น้ำตาลไปเพิ่มป ริมาณไกลซ ีม ิกในอ าหารซ ึ่งท ำให้ก ลุ่มอ าการเมต าบ อล ิก เลวร ้ายย ิ่งข ึ้น และเกี่ยวข้องก ับค วามเสี่ยง
ของโรคเบาห วานแ ละโรคหลอดเลือดแดงโคโรนาร ี (F. B. Hu, van Dam, and Liu 2001; F. B. Hu, and Willett
2002; Schulze et al., 2004: อ้างถ ึงใน Willett et al., 2006) องค์การอ นามัยโลกไดแ้ นะนำข ีดจ ำกัดบ นข องพ ลังงาน
ที่ค วรจ ะได้จากน ้ำตาลเท่ากับร้อยละ 10 แต่โดยป กติต้องการให้บริโภคน้อยกว่าปริมาณด ังกล่าวเนื่องจากผลกร ะท บ
ของการเผาผ ลาญสารอ าหารที่เป็นผลร้ายแ ละแคลอรีที่ไม่มีคุณค่า
4.5 จำกัดการได้รับแคลอรีท่ีมากเกินไปจากแหล่งต่างๆ ที่เข้าสู่ร่างกาย เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยว
กับความสำคัญของภาวะโรคอ้วนและน้ำหนักตัวมากเกินไปในความสัมพันธ์เชิงสาเหตุและผลของโรคเรื้อรังต่างๆ
การหลีกเลี่ยงการบริโภคพลังงานมากเกินไปจากแหล่งต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญโดยพื้นฐาน เพราะแคลอรีที่บริโภคจาก
เครอ่ื งดม่ื จะควบคมุ ไดน้ อ้ ยกวา่ แ คลอรจี ากอาหารแขง็ การจำกดั การบ รโิ ภคเครอ่ื งดม่ื ทม่ี รี สห วานจ ากนำ้ ตาลเปน็ สง่ิ สำคัญ
4.6 จำกดั การได้รบั โซเดยี มเข้าสรู่ ่างกาย การพ ิจารณาหลักการสำหรับก ารจ ำกัดโซเดียมค ือผลกร ะทบ
ของโซเดียมต ่อค วามด ันโลหิต ซึ่งเป็นป ัจจัยเสี่ยงส ำคัญส ำหรับโรคห ลอดเลือดส มองแ ละโรคห ลอดเลือดแ ดงโคโรนารี
องค์การอ นามัยโลกได้แนะนำข ีดจ ำกัดบ นของปริมาณโซเดียมท ี่ควรบริโภคเท่ากับ 1.7 กรัมต่อวัน (ไม่เกิน 5 กรัมต ่อ
วัน) (WHO and FAO, 2003: อ้างถ ึงใน Willett et al., 2006)
กจิ กรรม 8.2.1
1. แนวทางก ารเปล่ียนแปลงพ ฤติกรรมว ถิ กี ารดำเนนิ ชวี ติ ทเี่ กี่ยวขอ้ งโรคไม่ต ิดตอ่ มอี ะไรบา้ ง
2. พฤตกิ รรมก ารก นิ อาหารเพื่อสุขภาพเพือ่ ปอ้ งกนั โรคไมต่ ิดต่อมอี ะไรบ า้ ง
แนวต อบกิจกรรม 8.2.1
1. แนวทางการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมวิถีการดำเนินชีวิตท่ีเก่ียวข้องโรคไม่ติดต่อได้แก่ การหลีกเล่ียง
การใช้ยาสูบ การสูบบุหร่ี การรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ การออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันอย่าง
สม่ำเสมอ และจำกัดก ารดูโทรทัศน์ และก ารกนิ อาหารเพอ่ื ส ขุ ภาพ
2. พฤติกรรมการกินอาหารเพ่ือสุขภาพเพ่ือป้องกันโรคไม่ติดต่อ ได้แก่ การกินอาหารที่มีกรดไขมัน
ไม่อ่ิมตัวซึ่งประกอบด้วยแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า-3 การบริโภคผลไม้และผักต่างๆ ในปริมาณมากและการ
ได้รับกรดโฟลิกอยา่ งเพียงพอ การบริโภคผลติ ภณั ฑ์อาหารที่ทำจากธัญพืชในรปู แบบของเมลด็ ธัญพชื ที่ยงั ไม่ขดั
ลขิ สทิ ธข์ิ องมหาวิทยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธิราช