Page 235 - การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
P. 235
พฤติกรรมวิถีการดำเนินชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคไม่ติดต่อ 8-69
3. อทิ ธพิ ลท างส ภาพแ วดลอ้ มต อ่ ก ารย ดึ ม นั่ ในก ารอ อกก ำลงั ก าย (Environmental Influences on Physical
Activity Adherence)
มีข้อบ่งชี้ที่ดีว่า สภาพแวดล้อมมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการออกกำลังกาย งานวิจัยเชิง
ทดลองที่มีกลุ่มควบคุมแบบสุ่มระยะเวลา 18 เดือนที่ดำเนินการโดย Jakicic et al., (อ้างถึงใน Hemmingsson
et al., 2001) ศึกษาตรวจสอบผ ลกระทบของช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ต ่อเนื่องก ัน (Short Intermittent Bout) และการเข้า
ถึงอ ุปกรณ์ก ารอ อกกำลังกายที่บ้าน ซึ่งม ีต่อก ารย ึดม ั่นในก ารอ อกก ำลังกาย การล ดน้ำห นักต ัว และค วามฟ ิตพ ร้อมใน
ผู้หญิงที่มีภาวะอ้วนท ี่ไม่ค ่อยเคลื่อนไหวร่างกาย 3 กลุ่ม ซึ่งได้รับคำสอนการอ อกก ำลังกายที่แตกต่างกัน แต่มีป ริมาณ
ต่อส ัปดาห์ที่เหมือนก ันทุกป ระการ ทำการเปรียบเทียบ กลุ่มที่ 1 ทำการอ อกกำลังกายช ่วงส ั้นต่อเนื่องกัน 20-30 นาที
5 วันต่อส ัปดาห์ กลุ่มท ี่ 2 ทำการออกก ำลังกายช่วงส ั้นนาน 10 นาที หลายช ่วงเวลา และกลุ่มที่ 3 ทำการอ อกกำลัง
กายช ่วงสั้น 10 นาทีพ ร้อมก ับก ารเข้าถึงอุปกรณ์การออกกำลังกายท ี่บ ้านพบว่า ภายหลัง 18 เดือน กลุ่มที่ม ีการอ อก
กำลังกายช ่วงส ั้นพ ร้อมก ับก ารเข้าถ ึงอ ุปกรณ์ก ารอ อกก ำลังก ายท ีบ่ ้าน มรี ะดับก ารอ อกก ำลังก ายส ูงข ึ้นอ ย่างม นี ัยส ำคัญ
การคงอ ยู่ของน้ำห นักต ัวที่ล ดลง และการล ดไขมัน เมื่อเปรียบเทียบก ับกลุ่มอ ื่นๆ
งานวิจัยการดำเนินการในประชากรที่มีน้ำหนักตัวเกินภาวะปกติ (ค่า BMI 25-30 กิโลกรัม/ตารางเมตร)
พบว่า การออกกำลังกายที่บ้านมีประสิทธิผลมากกว่าการออกกำลังกายเป็นกลุ่มในการเพิ่มการยึดมั่นต่อการออก
กำลังก าย นอกจากน ี้ ความเชื่อม ั่นในความส ามารถในแผนการอ อกกำลังกายที่บ้านอาจท ำให้เพิ่มขึ้นได้โดยแผนการ
สนบั สนนุ ท างส งั คม ซึง่ ไดแ้ ก่ การส นบั สนนุ /ใหก้ ำลงั ใจท างโทรศพั ท์ การต รวจส อบต ดิ ตามต นเอง และก ลวธิ กี ารป อ้ งกนั
การกลับไปท ำพฤติกรรมเดิมซ้ำ (อ้างถ ึงใน Hemmingsson et al., 2001)
4. อิทธิพลของการปรับการออกกำลังกายในช่วงส้ันๆ ต่อการยึดมั่นในการออกกำลังกาย (Bout
Adaptational Influences on Physical Activity Adherence)
นอกจากอิทธิพลท างจิตวิทยา ทางพ ฤติกรรม ทางส ังคม และทางสภาพแ วดล้อมแ ล้ว ยังมีงานวิจัยที่บ่งบอก
ว่า การปรับปริมาณ ประเภท ความห นักเบา ช่วงเวลา และค วามถี่ของก ารอ อกกำลังก ายในช่วงส ั้นๆ อาจมีอิทธิพลต่อ
การเปลี่ยนแปลงพ ฤติกรรมการออกก ำลังกาย
4.1 ความถี่ (Frequency) น่าเสียดายที่ผลดีต่อสุขภาพที่เกิดขึ้นจากการออกกำลังกายส่วนมากไม่สามารถ
รักษาไว้ไดอ้ ย่างม ีป ระสิทธิผล ดังน ั้น ความส ม่ำเสมอข องก ารอ อกก ำลังก ายจ ึงป ็นส ิ่งส ำคัญย ิ่ง แนวทางว ิทยาศาสตรใ์น
ปจั จบุ นั ส ำหรบั ก ารอ อกก ำลงั ก ายเพือ่ เพิม่ พนู ส ขุ ภาพโดยศ นู ยก์ ลางก ารค วบคมุ แ ละป อ้ งกนั โรค และว ทิ ยาลยั เวชศาสตร์
การก ีฬาแ ห่งส หรัฐอเมริกา กำหนดไว้ช ัดเจนว ่า การอ อกก ำลังก าย 30 นาที หรือม ากกว่าท ี่ม ีค วามร ุนแรงป านก ลาง (เช่น
การเดินเร็ว การป ีนข ึ้นบันได เป็นต้น) ในหลายวันต่อสัปดาห์ หรือทุกว ันต่อส ัปดาห์ ซึ่งสิ่งท ี่มีค วามสำคัญยิ่งสำหรับ
ผู้ป่วยคือ ความรู้สึกส บายตัวกับการออกก ำลังก าย และการออกกำลังก ายได้ฝังลึกเข้าไปเป็นนิสัยปกติข องผู้ป่วย
4.2 ปรมิ าณ (Volume) Fogelholm et al., (อ้างถ ึงใน Hemmingsson et al., 2001) เปรียบเทียบผลดีของ
การย ึดม ั่นในก ารอ อกก ำลังกายจ ากโปรแกรมการเดินในป ริมาณแ ตกต ่างก ัน ผู้ห ญิงช าวฟ ินแลนด์ที่ม ีภ าวะโรคอ ้วน 85
คน สุ่มเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มค วบคุม ไม่มีการอ อกกำลังก าย กลุ่มที่ 2 กลุ่มโปรแกรมการเดิน กลุ่มที่ 1 เทียบ
เท่ากับ 2-3 ชั่วโมงของการเดิน/สัปดาห์ กลุ่มท ี่ 3 กลุ่มโปรแกรมการเดินกลุ่มที่ 2 เทียบเท่ากับก ารเดิน 4-6 ชั่วโมงของ
การเดิน/สัปดาห์ ผู้เข้าร่วมในการด ินกลุ่มท ี่ 1 และก ลุ่มที่ 2 ได้ร ับการส อนให้เดินด ้วยค วามร ุนแรงด ้วยอ ัตราก ารเต้น
ของหัวใจ ร้อยล ะ 50-60 มีก ารติดตามผ ล 2 ปี พบว่า กลุ่มโปรแกรมก ารเดินก ลุ่มที่ 1 เดินได้ม ากกว่ากลุ่มโปรแกรม
การเดินกลุ่มท ี่ 2 และก ลุ่มค วบคุมอย่างม ีนัย สำคัญ ไม่มีความแ ตกต่างอย่างมีน ัยส ำคัญในก้าวข องการเดินประจำวัน
ระหว่างท ุกก ลุ่มภ ายห ลัง 3 ปี ข้อค ้นพ บเหล่าน ีบ้ อกใหร้ ูว้ ่า โปรแกรมก ารเดินในร ะดับค วามร ุนแรงป านก ลาง (2-3 ชั่วโมง
ลิขสทิ ธ์ขิ องมหาวิทยาลยั สุโขทัยธรรมาธิราช