Page 236 - การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
P. 236
8-70 การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
ต่อส ัปดาห์) อาจน ำไปส ูก่ ารย ึดม ั่นในก ารอ อกก ำลังก ายม ากกว่าโปรแกรมก ารเดินในร ะดับค วามร ุนแรงม าก (4-6 ชั่วโมง
ต่อส ัปดาห์) ในผ ู้ห ญิงท ี่มีภ าวะโรคอ้วน
4.3 ความรุนแรง (Intensity) เมื่อพิจารณาความสามารถในการใช้ความรุนแรงทางร่างกายต่อกิโลกรัมใน
ระดับน้อยในภาวะโรคอ้วนพบว่า การออกกำลังกายใดๆ เกือบทุกประเภทจะเป็นการเริ่มต้นที่ต้องใช้ความพยายาม
หรือออกแรงมาก (Strenuous) การออกกำลังกายที่มีความรุนแรงมากมีโอกาสที่จะทำให้เกิดอันตรายทางร่างกาย
(Distress) จากอาการต่างๆ เช่น ปวดข้อ หายใจไม่ทัน ความเมื่อยล้า เป็นต้น และอาจไม่ทำให้สภาวะสุขภาพดีขึ้น
มากไปกว่าการออกกำลังที่มีความรุนแรงปานกลาง โดยความเป็นจริงแล้ว การออกกำลังกายที่มีความรุนแรงมาก
อาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือด จากงานวิจัยโดย Weyer et al., (อ้างถึงใน
Hemmingsson et al., 2001) พบว ่า ผู้ป ่วยภ าวะโรคอ้วน (ที่ม ีค่าBMI 38.1 + 6.0 กิโลกรัม/ตารางเมตร อายุ 45.6 +
13.1 ปี) ยอมรับปริมาณการอ อกกำลังก ายที่ม ีค วามร ุนแรงป านก ลาง (30 นาทีข องการอ อกกำลังก ายท ี่มีความร ุนแรง
ปานก ลางในห ลายว ันต ่อส ัปดาห์) มากกว่าป ริมาณก ารอ อกก ำลังก ายท ี่ม ีค วามร ุนแรงม ากกว่า (20-60 นาทีข องก ารอ อก
กำลังกายที่ใช้แ รงม าก อย่างน ้อยท ี่สุด 3 ครั้งต ่อส ัปดาห์)
4.4 ช่วงเวลา (Duration) จากงานวิจัยที่มีการดำเนินการหลายเรื่องในผู้ใหญ่ภาวะโรคอ้วนบ่งชี้ว่า การออก
กำลังก ายที่ท ำในเวลาสั้นๆ (10-15 นาที) ช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ต่อเนื่องกัน (มากกว่า 1 ครั้งต่อวัน) จะนำไปส ู่การเข้าร่วม
ในการออกกำลังกายมากกว่ารูปแบบการออกกำลังกายที่ยาวนานกว่า (40 นาที) เหตุผลสำหรับเรื่องนี้ไม่ชัดเจนและ
การยึดมั่นกับการออกกำลังกายที่ดีที่สุดพบในผู้เข้าร่วมในการออกกำลังกายที่นอกเหนือไปจากการออกกำลังกาย
เป็นช่วงสั้นๆ แล้วยังเข้าถึงอุปกรณ์การออกกำลังกายที่บ้านด้วย ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติใน
การเข้าร ่วมในก ารอ อกก ำลังก ายร ะหว่างก ลุ่มท ีอ่ อกก ำลังก ายเป็นช ่วงเวลาส ั้นๆ ไมต่ ่อเนื่อง (มากกว่า 1 ครั้งต ่อว ัน) และ
กลุ่มที่ออกก ำลังก ายเป็นช่วงส ั้น (10-15 นาที) ภายห ลังเดือนที่ 15 (Hemmingsson et al., 2001)
4.5 ประเภทของการออกกำลังกาย (Type) กิจกรรมการรองรับน้ำหนักที่ไม่ใช่ตุ้มน้ำหนัก เช่น การฝึก
การต้านทานแ รง (Resistance Training) การเต้นแ อโรบิกในน ้ำ การว ่ายน ้ำ และก ารออกกำลังก ายแ บบย ิมนาสติก
อาจน ำม าใช้เมื่อส ัดส่วนข องค วามส ามารถในก ารใช้แ รงอ อกก ำลังก ายต ่อก ิโลกรัมต ่ำ ซึ่งม ักจ ะเป็นในก รณีในร ะยะแ รก
เริ่มข องโปรแกรมก ารล ดน ้ำหนักตัวในผ ู้ป ่วยสูงอ ายุ หรือในผู้ป่วยที่มีร ะดับภาวะโรคอ ้วนรุนแรงม ากกว่า หลังจากน ั้น
ขึ้นอยู่กับความสามารถและความชอบเป็นรายบุคคล การนำกิจกรรมการรองรับน้ำหนักเข้ามาต้องทำอย่างค่อยเป็น
ค่อยไป เช่น การเดิน แอโรบ ิก เป็นต้น
จากง านว ิจัยโดย Thompson and Wankel (อ้างถ ึงใน Hemmingsson et al., 2001) แสดงให้เห็นว ่าส มาชิก
ชมรมสุขภาพเพศหญิงซึ่งออกกำลังกายตามความชอบ มีการยึดมั่นต่อการออกกำลังกายดีกว่าในสัปดาห์ที่ 6 ของ
ก ารต ิดตามผ ล เมื่อเปรียบเทียบก ับผ ู้ห ญิงซ ึ่งไม่ได้ให้เลือกว ิธีก ารอ อกก ำลังก ายท ี่ช อบ การสำรวจช าวออสเตรเลียโดย
Booth et al., (อ้างถ ึงใน Hemmingsson et al., 2001) เกี่ยวกับความช อบของก ารอ อกกำลังกายในผ ู้ใหญ่ท ี่ไม่ค ่อย
เคลื่อนไหวร่างกายพบว่า การเดิน ตามมาด้วยการว่ายน้ำเป็นกิจกรรมที่ชอบมากที่สุด ในการสำรวจชาวอังกฤษโดย
Thompson and Thomas (อ้างถ ึงใน Hemmingsson et al., 2001) พบว่า การเดินแ ละการว ่ายน ้ำในผู้ป่วยภาวะ
โรคอ้วนที่คลินิกเบาหวานเป็นการออกกำลังกายที่ผู้ป่วยชื่นชอบมากที่สุด ตามด้วยการขี่จักรยาน แอโรบิก การออก
กำลังกายในยิม และก ารเต้นแอโรบิกในน้ำ อย่างไรก็ตาม ผู้วิจัยเหล่าน ี้สังเกตเห็นค วามแตกต ่างท างเพศท ี่ส ำคัญบาง
อย่าง คือ การว ่ายน้ำเป็นการอ อกก ำลังกายที่ช ื่นช อบกันมากกกว่าในผู้หญิง เท่ากับแ อโรบ ิกและแ อโรบิกในน้ำ ขณะที่
ไม่มีความแตกต ่างท างเพศอย่างม ีน ัยส ำคัญสำหรับการเดิน การขี่จ ักรยาน หรือก ารอ อกกำลังก ายในย ิม ผู้วิจัยยืนยัน
ว่า กิจกรรมที่ผ ู้ชายช อบค ือ การเดิน การข ี่จ ักรยาน ซึ่งอ าจส ะท้อนถ ึงผ ู้ชายไม่ช อบก ิจกรรมที่ท ำเป็นกล ุ่มเพราะก ารเดิน
การขี่จักรยาน เป็นการอ อกกำลังก ายที่ท ำค นเดียว
ลิขสทิ ธ์ิของมหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช