Page 250 - อาหารและโภชนบำบัด
P. 250

15-16 อาหาร​และ​โภชนบ​ ำบัด

เรอื่ งท​ ่ี 15.1.3
การ​ใหค​้ วามร​ ู้​ใน​การบ​ ริโภค​อาหารเ​พ่ือป​ รับเ​ปลีย่ นพ​ ฤติกรรมก​ าร​บริโภค

       การป​ รับเ​ปลี่ยนพ​ ฤติกรรม​สุขภาพ​รวมท​ ั้งพ​ ฤติกรรมก​ ารบ​ ริโภคอ​ าหารเ​ป็น​สิ่งจ​ ำเป็น​ในก​ าร​รักษา​โรค และ​ลด​
ภาวะแ​ ทรกซ้อนข​ องโ​รค จากร​ ายงานก​ ารศ​ ึกษาต​ ่างๆ ไดแ้​ สดงใ​หเ้​ห็นค​ วามส​ ำคัญข​ องก​ ารป​ รับเ​ปลี่ยนพ​ ฤติกรรมใ​นก​ าร​
ที่​จะ​ช่วย​ป้องกัน​ไม่​ให้​เกิด​โรค​ใน​ผู้​ที่​มี​ความ​เสี่ยง​สูง การ​ควบคุม​อาหาร​และ​ออก​กำลัง​กาย​อย่าง​สม่ำเสมอ จะ​ป้องกัน​
การ​เป็นโ​รคใ​นผ​ ู้ท​ ี่ม​ ี​ความ​เสี่ยงส​ ูงแ​ ละด​ ี​กว่าก​ าร​ใช้ย​ า​ใดๆ เสีย​อีกใ​น​บางโ​รค

       การ​ปรับ​เปลี่ยน​พฤติกรรม​สุขภาพ​เป็น​บทบาท​ที่​สำคัญ​ของ​บุคลากร​ทางการ​แพทย์​และ​ผู้​ให้​คำ​ปรึกษา​ทุก​คน​
รวมท​ ั้ง​นักก​ ำหนด​อาหาร โดย​เฉพาะ​การ​ปรับ​เปลี่ยน​พฤติกรรม​การ​บริโภค​อาหาร ซึ่ง​เป็นส​ ิ่ง​ที่​ยากท​ ี่สุด และ​เป็นห​ น้าที่​
โดยตรงข​ องน​ ักก​ ำหนดอ​ าหาร ดังน​ ั้น นอกเ​หนือจ​ ากก​ ารใ​หค้​ วามร​ ูแ้​ ละค​ ำป​ รึกษาแ​ กผ่​ ูป้​ ่วยใ​นก​ ารเ​ลือกช​ นิดแ​ ละป​ ระเภท​
อาหาร​อาจ​ไม่​เพียง​พอที่​จะ​ทำให้​ผู้​ป่วย​เกิด​การ​ตระหนัก และ​กลับ​ไป​ปรับ​เปลี่ยน​พฤติกรรม​การ​กิน​อาหาร​ตนเอง​ได้
นัก​กำหนด​อาหาร​และ​ผู้​ให้​คำ​ปรึกษา​ควร​มี​ความ​เข้าใจ​ก่อน​ว่า การ​จะ​ให้​ผู้​ป่วย​ปรับ​เปลี่ยน​พฤติกรรม​ได้​นั้น จะ​ต้อง
การผ​ ่านข​ ั้นต​ อน​การ​เปลี่ยนแปลงพ​ ฤติกรรม ซึ่ง​เป็นกร​ ะ​บวนก​ าร​ที่​เกิดข​ ึ้น​อย่าง​ต่อ​เนื่อง ดังน​ ั้น ผู้​ให้​คำป​ รึกษา​ควร​มี​
การ​ประเมิน​ความ​พร้อม​ใน​การ​เปลี่ยนแปลง​พฤติกรรม​ของ​ผู้​ป่วย​ก่อน นอกจาก​นั้น​การ​สร้าง​ความ​สัมพันธ์​ที่​ดี​กับ​
ผู้​ป่วยถ​ ือเ​ป็น​ขั้น​ตอนแ​ รก​ที่จ​ ะท​ ำให้​ผู้ป​ ่วย​หรือผ​ ู้รับก​ ารป​ รึกษา​เกิดค​ วาม​ไว้​วางใจ​เชื่อ​ถือ​และย​ อมรับ

1.	 ข้ันต​ อนก​ ารเ​ปลย่ี นแปลงพ​ ฤตกิ รรม (Stages of changes)

       ทฤษฎี​การ​ปรับ​เปลี่ยน​พฤติกรรม Trans Theoretical Model of International behavior Change
(Prochaska and Diclemente) ซึ่ง​เป็น​ทฤษฎี​ใน​การเ​ปลี่ยนแปลง​พฤติกรรม​และ​ลำดับ​ขั้น​ตอนใ​น​การเ​ปลี่ยนแปลง​
พฤตกิ รรมข​ องบ​ คุ คล ประกอบด​ ว้ ย 5 ขัน้ ต​ อน จากข​ ัน้ ไ​มส​่ นใจป​ ญั หา ไปถ​ งึ ก​ ารล​ งมอื ป​ ฏบิ ตั เ​ิ พือ่ ใ​หเ​้ กดิ ก​ ารเ​ปลีย่ นแปลง
ดังนี้

       1) 	ขั้นไ​ม่ส​ นใจ​ปัญหา
       2) 	ขั้นไ​ตร่ตรอง
       3) 	ขั้นเ​ตรียม​พร้อม
       4) 	ขั้นล​ งมือป​ ฏิบัติ
       5) 	ขั้นด​ ำรงพ​ ฤติกรรม
       1.1 	ข้ัน​ไม่​สนใจ​ปัญหา (Precomtemplation) เป็น​ขั้น​ที่​บุคคล​ยัง​ไม่​ใส่ใจ หรือ​ไม่​สนใจ​ที่​จะ​รับ​รู้​หรือ​
เปลี่ยนแปลงพ​ ฤติก​ รร​ มใ​ดๆ ของต​ นเอง ไม่ค​ ิดว​ ่าส​ ิ่งท​ ี่เ​กิดข​ ึ้นอ​ ยู่น​ ั้นเ​ป็นป​ ัญหา ซึ่งอ​ าจเ​กิดจ​ ากก​ ารไ​ม่มีค​ วามร​ ู้ถ​ ึงข​ ้อมูล​
ของผ​ ลก​ระท​ บห​ รือ​ผลเ​สีย​ที่จ​ ะเ​กิดข​ ึ้น​หรือ​ได้​รับ หรือไ​ม่​คิด​ว่าต​ นเองต​ ้องเ​ปลี่ยนแปลง ขาด​แรง​จูงใจ ไม่มี​ความพ​ ร้อม​
ใดๆ หรือไ​ม่ค​ ิดว​ ่าการเ​ปลี่ยนแปลงท​ ี่เ​กิดข​ ึ้นน​ ั้น จะส​ ามารถช​ ่วยใ​ห้ต​ นเองแ​ ก้ป​ ัญหาส​ ุขภาพไ​ด้จ​ ริงห​ รืออ​ าจ เนื่องม​ าจ​ าก​
เคยล​ ม้ เ​หลวต​ อ่ ค​ วามพ​ ยายามท​ จี่​ ะป​ รบั เ​ปลี่ยนม​ าก​ ่อนแ​ ละร​ ูส้ ึกท​ อ้ แทห​้ มดก​ ำล​ งใ​จ หรืออ​ าจม​ ป​ี จั จยั อ​ ืน่ ๆ ทเี​่ ปน็ อ​ ปุ สรรค​
ที่ซ​ ่อน​เร้น เช่น เรื่องค​ ่า​ใช้​จ่ายห​ รือไ​ม่มีเ​วลา
       1.2	 ขน้ั ​ไตร่ตรอง (Contemplation) เป็น​ระยะ​ที่​เริ่ม​จะย​ อมรับ​ความจ​ ริงเ​ริ่ม​เห็นค​ วามส​ ำคัญเ​ป็นข​ ั้น​ที่​บุคคล​
เริ่ม​มีค​ วามค​ ิด​อยากแ​ ก้ไข​ อยากเ​ปลี่ยนแปลง แต่ย​ ัง​ไม่​ถึง​กับพ​ ร้อม​จะเ​ปลี่ยนแปลง​ใน​ทันที เป็นช​ ่วงข​ องค​ วามล​ ังเล​ใจ​
ที่​จะ​ทำ​หรือ​ไม่​ทำ​เพราะ​เริ่ม​เห็น​ข้อ​เสีย เริ่ม​รู้สึก​ได้​ถึง​ความ​ผิด​ปกติ​ขึ้น​กับ​ตัว​เอง​หรือ​การ​ศูนย์​เสีย​บาง​สิ่ง​ที่​เกิด​ขึ้น​ 
ทำให้​เกิดค​ วามค​ ิด​ที่อ​ ยาก​ทบทวน ชั่ง​น้ำ​หนัก​ข้อดี ข้อ​เสีย ยัง​ขาดค​ วาม​มั่นใจ​ว่าจ​ ะท​ ำได้ส​ ำเร็จ

                             ลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช
   245   246   247   248   249   250   251   252   253   254   255