Page 57 - ทฤษฎีและแนวปฏิบัติในการบริหารการศึกษา หน่วยที่ 2
P. 57

ทฤษฎีระบบ 2-47

เป็นอิสระของครูในการท�ำ งาน ความคาดหวังอาจจะมาจากหลายกลุ่ม เช่น หัวหน้าหมวดหรือหัวหน้าฝ่ายอาจ
ตอ้ งการอยา่ งหนึง่ แตผ่ ูอ้ �ำ นวยการคาดหวงั อยา่ งหนึง่ อธกิ ารบดอี าจคาดหวงั บทบาทของอาจารยแ์ ตกตา่ งจาก
คณบดี และคณบดแี ตกตา่ งจากหวั หนา้ ภาควชิ า ความขดั แยง้ จงึ เกดิ ขึน้ ความคาดหวงั อาจจะมาจากภายนอก
ของหัวหน้า เช่น สังคมคาดหวังครูต้องเป็นปูชนียบุคคล ซึ่งบางกลุ่มอาจจะไม่เห็นด้วย

       2) 	ความขัดแย้งทางบุคลิกภาพ (personality conflict) ความขัดแย้งประเภทนี้เกิดขึ้นเมื่อบุคคลมี
ความต้องการขัดแย้งกันเอง เช่น อาจารย์ใหญ่มีความต้องการที่จะสนิทสนมกับครู แต่ในขณะเดียวกันก็เกิด
ความรูส้ กึ วา่ การสนทิ สนมมากเกนิ ไป อาจจะเปน็ อปุ สรรคตอ่ การบงั คบั บญั ชา อาจารยใ์ หญจ่ งึ ตอ้ งการอยูห่ า่ ง
จากผู้ร่วมงานเมื่อความต้องการในลักษณะที่ตรงกันข้ามกันเกิดขึ้น ความขัดแย้งทางบุคลิกภาพก็เกิดขึ้น

       3) 	ความขัดแย้งระหว่างบทบาทและบุคลิกภาพ (role-personality conflict) ความขัดแย้งประเภท
นีเ้ กดิ ขึน้ เมื่อมคี วามแตกตา่ งระหว่างความคาดหวงั ตอ่ บทบาท และความต้องการของบคุ คลทีส่ วมบทบาทนั้น
ตัวอย่างเช่น ผู้บริหารระดับสูงกว่า คาดหวังว่าอาจารย์ใหญ่จะเป็นผู้ที่คบหาสมาคมกับประชาชนในท้องถิ่น	
แต่อาจารย์ใหญ่มีความต้องการที่จะอยู่ตามลำ�พัง เพราะเป็นคนที่มีบุคลิกภาพประเภทเก็บตัว ความขัดแย้ง
ระหว่างบทบาทและบุคลิกภาพจึงเกิดขึ้น

       แนวคิดของเกทเซลส์และกูบา มีประโยชน์ต่อการแก้ไขความขัดแย้ง ผู้บริหารที่ต้องการป้องกันและ
แก้ไขความขัดแย้งสามารถน�ำ หลักการเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ เช่น เพื่อลดความขัดแย้งทางบทบาท ผู้บริหาร
อาจพยายามให้ฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในบทบาทมีความคาดหวังใกล้เคียงกัน เพื่อลดความขัดแย้งระหว่าง
บทบาทและบุคลิกภาพ ในการสรรหาบุคลากรจะต้องค�ำ นึงถึงความสอดคล้องระหว่างบทบาทและบุคลิกภาพ
ของผู้สมัครเข้าทำ�งาน

2. 	ความพงึ พอใจของบคุ คลในหน่วยงาน

       ข้อเสนอ (proposition) สำ�คัญข้อหนึ่งในทฤษฎีของเกทเซลส์-กูบา คือเมื่อความคาดหวังในบทบาท
และความต้องการอันมาจากบุคลิกภาพของบุคคลตรงกันกับวัตถุประสงค์ขององค์การ บุคคลจะมีความพึง
พอใจในองค์การ (Silver, 1983: 248)

       ความพงึ พอใจในองคก์ าร เปน็ ปจั จยั ส�ำ คญั ทีจ่ ะท�ำ ใหอ้ งคก์ ารบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ ความพงึ พอใจตาม
ทฤษฎนี ีเ้ กดิ ขึน้ เมือ่ 1) ความตอ้ งการของบคุ คลและความคาดหวงั ในบทบาทตรงกนั และ 2) ทัง้ ความตอ้ งการ
และความคาดหวงั ตรงกบั วตั ถปุ ระสงคข์ ององคก์ าร ความรูค้ วามเขา้ ใจเรือ่ งนีท้ �ำ ใหผ้ ูบ้ รหิ ารสามารถเสรมิ สรา้ ง
ปัจจัยที่จะก่อให้เกิดความพึงพอใจ อันจักนำ�ไปสู่การพัฒนาการเรียนการสอนให้บรรลุวัตถุประสงค์ ซิลเวอร์
(Silver, 1983: 260-261) ให้แนวคิดว่า ในกิจกรรมเสริมหลักสูตรและงานธุรการ จัดให้ครูอาสาทำ�งานใน
งานที่ครูชอบ งานที่มีคนสมัครมากเกินไปหรือไม่มีใครสมัครเลย ให้จัดเวรหมุนเวียนกันทำ� แนวคิดนี้ก็เพื่อ
ตอบสนองหลักการที่ว่า เมื่อความคาดหวังและความต้องการตรงกับวัตถุประสงค์ขององค์การ ผู้ปฏิบัติจะ
มีความพึงพอใจ

       การเสริมสร้างความพึงพอใจอันน�ำ ไปสู่คุณภาพและประสิทธิภาพของการเรียนการสอนอาจจะท�ำ ได้
ดังนี้
   52   53   54   55   56   57   58   59   60   61   62