Page 26 - การวิจัยการบริหารการศึกษา หน่วยที่ 1
P. 26
1-16 การวิจัยการบริหารการศึกษา
สำ�คัญ คือ ฟอสเตอร์ (Foster) และเบทส์ (Bates) ฐานแนวคิดของนักคิดกลุ่มนี้คือ ทฤษฎีวิพากษ์ (Critical
theory) อาจกล่าวได้ว่างานวิจัยตามแนวคิดนี้ยังมีจำ�กัด ซึ่งในตอนที่ 1.2 ได้นำ�เสนอการรวบรวมแนวทาง
การทำ�วิจัยภายใต้ทฤษฎีวิพากษ์ซึ่งอยู่ในยุคหลังแนวคิดพฤติกรรมศาสตร์ของลูเน็นเบอร์กและออร์นสไตน์
อาจกล่าวได้ว่า ทฤษฎีวิพากษ์เป็นแนวคิดของนักคิดสำ�นักแฟรงค์เฟิร์ท (The Frankfurt School)
แห่งเยอรมนี นักคิดกลุ่มนี้ได้รับอิทธิพลแนวคิดจากมาร์ก (Marx) ทฤษฎีวิพากษ์ให้แนวคิดว่าการที่จะเข้าใจ
ธรรมชาติของทฤษีนั้นจะต้องเริ่มด้วยการทำ�ความเข้าใจกับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในสังคม ระหว่างส่วน
ย่อยกับส่วนรวม ระหว่างส่วนเฉพาะกับส่วนสากล จากความเข้าใจเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างคนและ
สังคมนี้เท่านั้นจึงจะทำ�ให้ภาวะเหลื่อมลํ้าที่มีอยู่ในสังคมอย่างแพร่หลายและซึมลึกมีทางที่จะปรับปรุงและ
เปลี่ยนแปลง (Giroux. 1983: 24) เบทส์ซึ่งเป็นอาจารย์สอนบริหารการศึกษาในออสเตรเลียเห็นว่า การที่
นักบริหารการศึกษายอมรับทฤษฎีองค์การราชการ (bureaucracy) หรือทฤษฎีระบบ (systems theory)
ทำ�ให้การบริหารขาดหลักสำ�คัญในการรับผิดชอบต่อชุมชนและการตอบสนองต่อปัญหาอันแท้จริงของสังคม
ทางแก้อยู่ที่การนำ�เอาหลักประชาธิปไตยมาใช้ โดยให้มีประชาธิปไตย 4 ด้าน ได้แก่ 1) ประชาธิปไตยใน
ความสัมพันธ์ของสังคม 2) ประชาธิปไตยในความรู้ 3) ประชาธิปไตยในการสื่อสาร และ 4) ประชาธิปไตยใน
วฒั นธรรม (Griffiths. 1988: 45) ฟอสเตอรไ์ ดใ้ ชท้ ฤษฎวี พิ ากษโ์ จมตที ฤษฎใี นยคุ การเคลือ่ นไหวทางทฤษฎซี ึง่
เขาเห็นว่าไม่ถูกต้อง วัตกินส์ (Watkins) ใช้ทฤษฎีวิพากษ์วิเคราะห์ภาวะองค์การของโรงเรียน เขาเชื่อว่าการ
ใช้ทฤษฎีวิพากษ์จะทำ�ให้เข้าใจโรงเรียนอย่างชัดเจนว่าทำ�ไมโรงเรียนจึงมีการบริหารและดำ�เนินงานเช่นนั้น
ถึงแม้ทฤษฎีวิพากษ์จะเป็นที่สนใจของนักวิชาการบริหารการศึกษา แต่การค้นคว้าวิจัยอย่างแท้จริง
ยงั ไมม่ ี กรฟิ ฟธิ สเ์ รยี กผลงานของนกั ทฤษฎกี ลุม่ นีว้ า่ ทฤษฎบี รหิ ารการศกึ ษาแบบมารก์ (Marxist Theory in
Educational Administration) และให้ข้อสังเกตว่า การใช้ทฤษฎีวิพากษ์ในปัจจุบันมีเพียงขั้นการวิเคราะห์
มากกว่าการวิจัย (Griffiths. 1988: 45)
จากที่ได้กล่าวถึงการวิจัยบริหารการศึกษาในปัจจุบัน อาจสรุปได้ว่า แนวคิดตามข้อแรกเป็นการ
วิจัยเชิงปริมาณ (quantitative research) แนวคิดข้อที่สองและสามเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ (qualitative
research) แนวคดิ ทัง้ สองประเภทมคี วามส�ำ คญั ไมย่ ิง่ หยอ่ นไปกวา่ กนั ในการวจิ ยั บรหิ ารการศกึ ษาในปจั จบุ นั
หลังจากศึกษาเนื้อหาสาระตอนที่ 1.1 แล้ว โปรดปฏบิ ัติกิจกรรม 1.1
ในแนวการศึกษาหนว่ ยท่ี 1 ตอนที่ 1.1