Page 40 - การวิจัยการบริหารการศึกษา หน่วยที่ 1
P. 40

1-30 การวิจัยการบริหารการศึกษา

และพ่อแม่ร่วมตรวจสอบความรับผิดชอบในผลการปฏิบัติงาน มีวิสัยทัศน์ของสถานศึกษาเกี่ยวกับอนาคต
ที่เป็นไปได้ของนักเรียน และมีวิธีการเฉพาะตนเพื่อการเรียนการสอน

ความต้องการกระบวนทศั นก์ ารจดั การศกึ ษาเพ่ือเพ่ิมผลผลติ

       ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า การเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกาภิวัตน์ได้ส่งผลกระทบต่อการจัดการศึกษา
ในระบบ ด้วยเหตุนี้ นักการศึกษาและนักวิจัยการศึกษาจึงควรแสวงหากระบวนทัศน์ หรือตัวแบบ (model)
ที่จะช่วยให้แนวทางในการวิจัยและการวางนโยบายอย่างชัดเจน เพื่อช่วยให้สถานศึกษามีความยืดหยุ่น
ปรับตัวและสนองตอบความเปลี่ยนแปลงได้ และมีประสิทธิผล

       คำ�ว่า กระบวนทัศน์ ในมุมมองของเกจ (Gage. 1963 อ้างถึงใน Hill & Guthrie. 1999) เป็น
ตวั แบบ (models) เปน็ แบบแผน (patterns) หรือเปน็ แผนผังการดำ�เนินงาน (schemata) โดยกระบวนทัศน์
จะแสดงถึงตัวแปรต่าง ๆ และความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรเหล่านั้น ในลักษณะของรูปภาพ (graphic) หรือ
เค้าโครงรูปแบบ (outline form) ที่แสดงด้วยสัญลักษณ์รูปทรงสี่เหลี่ยม เชื่อมด้วยเส้นต่าง ๆ ในตำ�แหน่ง
ทั้งแนวนอนและแนวตั้ง กระบวนทัศน์ต่าง ๆ ช่วยสะท้อนในเชิงพรรณนาโดยแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ของ
องค์ประกอบต่าง ๆ และสะท้อนในเชิงการวิเคราะห์โดยแสดงให้เห็นว่าองค์ประกอบเหล่านั้นมีปฏิสัมพันธ์
ซึ่งกันและกันอย่างไร และยังเป็นบรรทัดฐานที่สะท้อนถึงความเชื่อของคนในสังคม ดังนั้น กระบวนทัศน์
สามารถให้แนวทางการวิจัยได้ จึงเห็นได้ว่า การออกแบบ (design) และวิธีการวิจัย (approach) ของ
นักวิจัยจะเป็นแบบใดก็ขึ้นกับกระบวนทัศน์ที่นักวิจัยใช้ตอนเริ่มต้น

       ในแต่ละยุคสมัย กระบวนทัศน์การวิจัยการบริหารการศึกษามีความแตกต่างกันซึ่งได้สะท้อนให้
เห็นถึงประวัติความเป็นมาของการวิจัยการบริหารการศึกษา อาทิ ในช่วงปี ค.ศ. 1951-1966 เป็นช่วงที่การ
วิจัยการบริหารการศึกษามีความเจริญรุ่งเรืองมาก ผู้รอบรู้ (scholars) ทางการวิจัยบริหารการศึกษาศาสตร์
ที่สำ�คัญหลายคน ได้แก่ ฮัลพิน (Halpin. 1966) เกทเซลส์ (Getzels. 1968) กูบา (Guba. 1990) และ
กริฟฟิธส์ (Griffiths. 1962) ได้อาศัยแนวคิดของพาร์สัน (Parsons) และเมอร์ตัน (Merton) ในการสร้าง
ทฤษฎีและกระบวนทัศน์เพื่อใช้ในการศึกษาและวิจัยทางการศึกษาและการบริหารการศึกษา นับว่าเวลาใน
ช่วงดังกล่าวทำ�ให้เกิดองค์ความรู้มากมาย แต่ทว่าไม่สามารถนำ�มาใช้ทำ�นายหรือควบคุมกำ�กับติดตามการ
ปฏิบัติงานได้ จึงกล่าวได้ว่า การศึกษาในยุคดังกล่าวเน้นการค้นหาความจริงเกี่ยวกับกลไกหรือสภาพการ
บรหิ ารจดั การของระบบการศกึ ษามากกวา่ การพฒั นาหรอื ยกระดบั ผลการปฏบิ ตั ิ ฮลั พนิ ไดเ้ สนอกระบวนทศั น์
ทางพฤติกรรมการบริหาร แต่กระบวนทัศน์นี้ไม่ได้ให้แนวทางการตั้งคำ�ถามว่า นโยบายของรัฐจะส่งผล
ต่อการพฤติกรรมการบริหารของผู้บริหารอย่างไร หรือพฤติกรรมทางการบริหารของผู้บริหารจะส่งผลต่อ
การเรียนรู้ของนักเรียนอย่างไร

       ต่อมาในช่วงทศวรรษที่ 1970 (ค.ศ. 1970-1979) ประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งกำ�ลังแก้ปัญหาเกี่ยวกับ
การเหยียดผิวและความยากจนได้เสนอกระบวนทัศน์ทางการวิจัยการบริหารการศึกษาใหม่ที่เรียกว่า
กระบวนทัศน์การวิจัยเชิงนโยบาย (the policy research paradigm) โดยให้สถานศึกษาเป็นหน่วยปฏิบัติ
ในการนำ�นโยบายของรัฐไปสู่การปฏิบัติ ในยุคนี้ สถานศึกษาจึงอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐทั้งในเรื่อง
   35   36   37   38   39   40   41   42   43   44   45