Page 41 - การวิจัยการบริหารการศึกษา หน่วยที่ 1
P. 41
แนวคิดเกี่ยวกับการวิจัยการบริหารการศึกษา 1-31
การรับนักเรียนและวิธีการสอนของครู เพื่อให้สถานศึกษารับนักเรียนผิวสีที่มาจากครอบครัวที่ยากจนและ
ด้อยโอกาส อย่างไรก็ตาม แนวคิดดังกล่าวยังไม่ประสบความสำ�เร็จเนื่องจากสถานศึกษาบางแห่งไม่ได้
ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐ แต่ได้ดำ�เนินการบริหารจัดการตามวิธีการของสถานศึกษาเอง ด้วยเหตุนี้ จึงได้มี
การปรับกระบวนทัศน์การวิจัยเชิงนโยบายใหม่เพื่อช่วยให้ผู้กำ�หนดนโยบายทั้งในระดับนโยบายและระดับ
ปฏิบัติได้เข้าใจใน 3 เรื่อง ได้แก่ 1) ผู้กำ�หนดนโยบายจะต้องทำ�อย่างไรเพื่อให้สถานศึกษาปฏิบัติตามได้
2) ทำ�อย่างไรนโยบายของรัฐจึงจะส่งผลต่อการดำ�เนินงานของสถานศึกษา และ 3) มีปัญหาอุสรรคอะไรใน
ด้านโครงสร้างและค่านิยมของสถานศึกษาที่ทำ�ให้ไม่สามารถตามนโยบายได้
กระบวนทัศนก์ ารวิจยั เชิงนโยบายมคี วามเชือ่ พื้นฐานวา่ ผูก้ ำ�หนดนโยบายเป็นผูค้ วบคมุ สถานศึกษา
ตามกฎหมาย และสถานศึกษาเป็นผู้รับนโยบายไปปฏิบัติ ดังนั้น จุดประสงค์ของการวิจัยเชิงนโยบาย คือ
เพื่อช่วยให้ผู้กำ�หนดนโยบายเห็นจุดแข็งและจุดอ่อนของเครื่องมือของรัฐ อาทิ ข้อกำ�หนด กฎระเบียบ และ
การสนับสนุนต่าง ๆ เพื่อว่านโยบายของรัฐจะได้ถูกกำ�หนดมาจากสภาพความเป็นจริง และแนวทางการ
ปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐจะได้ถูกออกแบบให้ส่งผลกับสถานศึกษา และหลีกเลี่ยงผลกระทบเชิงลบ
ที่จะเกิดขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ แนวคิดนี้ยังใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม งานวิจัยที่ผ่านมาได้แสดงให้
เห็นว่า สถานศึกษาหลายแห่งได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามนโยบายที่รัฐกำ�หนด แต่ทว่ายังมีสถานศึกษาอีก
หลายแห่งที่ยังไม่สามารถจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากสถานศึกษาที่นำ�นโยบาย
สู่การปฏิบัติไม่สามารถกำ�หนดโปรแกรมและโครงการที่สอดคล้องกับนโยบาย จึงทำ�ให้นโยบายของรัฐไม่
ประสบความสำ�เร็จ ด้วยเหตุนี้จึงมีการเรียกร้องให้ปฏิรูปการศึกษาอย่างเป็นระบบ โดยคำ�นึงถึงการออกแบบ
การบริหารการศึกษาอย่างสอดคลอ้ งกันและเป็นระบบนบั ตัง้ แต่ การก�ำ หนดมาตรฐานการเรียนรู้ การทดสอบ
หลกั สตู รและการสอน การจดั สรรงบประมาณ การพฒั นาครกู อ่ นและขณะประจ�ำ การ การคดั เลอื กและพฒั นา
ผู้บริหาร การมีส่วนร่วมของพ่อแม่ การให้รางวัลและการลงโทษทั้งครูและนักเรียน และมาตรการการเข้า
ศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา
จึงเห็นได้ว่า กระบวนทัศน์การวิจัยเชิงนโยบายมีจุดแข็งและมีจุดอ่อน โดยเฉพาะจุดอ่อนใน
เรื่อง ความเชื่อพื้นฐานว่า สถานศึกษาเป็นฝ่ายรับหรือเป็นผลมาจากแรงผลักภายนอกซึ่งก็คือนโยบายของรัฐ
มากกว่าที่จะยอมรับว่าสถานศึกษาเป็นองค์การที่ปฏิบัติหน้าที่ตามเป้าหมายที่รัฐกำ�หนด รับผิดชอบในการ
ให้บริการการศึกษาแก่ประชากรวัยเรียนในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย และจัดการเรียนการสอนตามคำ�ชี้แนะของ
ทฤษฎกี ารเรยี นรูต้ า่ ง ๆ ดว้ ยเหตนุ ี้ ฮลิ ลแ์ ละกธั รี (Hill & Guthrie) จงึ ไดเ้ สนอกระบวนทศั นก์ ารวจิ ยั ใหมเ่ ปน็
กระบวนทศั นก์ ารวจิ ยั เพือ่ เพิม่ ผลผลติ ของสถานศกึ ษาเพือ่ เตมิ เตม็ ในสว่ นทีข่ าดหายไปของกระบวนทศั นเ์ ดมิ
กระบวนทัศนใ์ หม่ทม่ี ุ่งเน้นการเพิม่ ผลผลิตของสถานศึกษา
เนื่องจากกระบวนทัศน์การวิจัยเชิงนโยบาย มีข้อสันนิษฐานว่า การกระทำ�ของบุคคลที่อยู่นอกสถาน
ศึกษาหรือผู้กำ�หนดนโยบายของรัฐเป็นผู้กำ�หนดประสิทธิผลของสถานศึกษา ด้วยเหตุนี้ กระบวนทัศน์นี้จึงมี
ความเชือ่ วา่ สถานศกึ ษาทีส่ ามารถใหผ้ ลผลติ ไดต้ อ้ งอาศยั ทัง้ เปา้ หมายและกฎระเบยี บทีก่ �ำ หนดโดยเจา้ หนา้ ที่
ของรัฐ แต่ทว่า กระบวนทัศน์ใหม่ที่มุ่งเน้นการเพิ่มผลผลิตของสถานศึกษาเชื่อว่า สถานศึกษาที่สามารถให้