Page 69 - การวิจัยการบริหารการศึกษา หน่วยที่ 1
P. 69
แนวคิดเกี่ยวกับการวิจัยการบริหารการศึกษา 1-59
“ข้อมูล ข้อมูล ข้อมูล ทุกแห่งทุกหน ข้อมูลบนหัว ข้อมูลบนพื้น แต่ข้าสะอื้น เพราะไม่มี
สารสนเทศเลย” (Kinnick. 1985)
ในปัจจุบันหน่วยงานที่ทันสมัยได้นำ�เอาระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (Management
Information System หรือเรียกย่อว่า MIS) เข้ามาใช้ ในวงการศึกษาก็ได้มีการนำ�เข้ามาใช้ แต่ระบบที่มี
ประสิทธิภาพและมีการใช้อย่างจริงจังยังมีน้อยมาก
2.4 ปัญหาเกี่ยวกับผู้บริหาร ผู้บริหารอาจเคยชินกับการบริหารแบบเดิม เคยทำ�อย่างไรก็
ทำ�อย่างนั้น การตัดสินใจทำ�ไปโดยไม่ต้องใช้ข้อมูล ผู้บริหารบางคนมีทัศนคติไม่ดีต่องานวิจัย เห็นงานวิจัย
เป็นงานบนหอคอย ห่างไกลจากปัญหา ไม่สัมพันธ์กับการปฏิบัติ จึงไม่สนใจที่จะใช้ผลงานวิจัย ปัญหานี้น่า
จะแก้ไขได้ด้วยการให้การศึกษาและการฝึกอบรม การให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการวิจัยและการนำ�ผล
การวิจัยไปใช้มีความจำ�เป็นต่อการพัฒนาผู้บริหารและวิชาชีพบริหารการศึกษา นักบริหารที่ดีควรจะเป็นผู้ใช้
งานวิจัยอย่างมีประสิทธิภาพ บางคนอาจจะเป็นมากกว่านั้น คือเป็นทั้งผู้ใช้งานวิจัย (research consumer)
และผู้ผลิตงานวิจัย (research producer) ที่มีคุณภาพ
เรือ่ งที่ 1.3.3 ทฤษฎี การวิจยั และการปฏบิ ัติ
ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างทฤษฎีกับการวิจัย และการวิจัยกับการปฏิบัติมาแล้ว ในเรื่องนี้จะ
กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างทฤษฎีกับการปฏิบัติ และความสัมพันธ์ระหว่างมโนมติทั้งสามซึ่งได้แก่ ทฤษฎี
การวิจัย และการปฏิบัติ
ทฤษฎีและการปฏิบัติมีความสัมพันธ์กัน กล่าวคือ 1) ทฤษฎีเป็นกรอบสำ�หรับการปฏิบัติ 2) ทฤษฎี
เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ปัญหา และ 3) ทฤษฎีเป็นหลักสำ�หรับการตัดสินใจ ตัวอย่างแต่ละข้อหาได้ไม่
ยาก ผู้บริหารที่ต้องการพัฒนาภาวะผู้นำ�ของตนเองอาจนึกถึงทฤษฎีภาวะผู้นำ�แบบมุ่งคนและมุ่งงาน โดย
พยายามเป็นผู้นำ�แบบ 9, 9 เมื่อครูในโรงเรียนมีปัญหาความขัดแย้ง นักบริหารอาจใช้ทฤษฎีความขัดแย้ง
วิเคราะห์ปัญหา เมื่อผู้บริหารต้องพิจารณาว่าเรื่องใดสมควรให้ครูมีส่วนร่วมหรือไม่ในการตัดสินใจ ทฤษฎี
การตัดสินใจของวรูมและเยตตัน (Vroom & Yetton. 1973) อาจใช้เป็นแนวในการตัดสินใจได้ สิ่งเหล่านี้
คือตัวอย่างของความสัมพันธ์ระหว่างทฤษฎีและการปฏิบัติ
นอกจากนี้ การปฏิบัติเป็นที่มาของปัญหาการวิจัยและการสร้างทฤษฎี ทฤษฎีให้กรอบแนวคิด
ส�ำ หรบั นกั วจิ ยั นกั วจิ ยั ใหข้ อ้ เสนอแนะแกน่ กั ปฏบิ ตั ิ การปฏบิ ตั กิ จ็ ะเปน็ แหลง่ ขอ้ มลู ของนกั ทฤษฎแี ละนกั วจิ ยั
ความสัมพันธ์มีปรากฏดังในภาพที่ 1.6
