Page 44 - หลักการและแนวคิดทางการปฐมวัยศึกษา
P. 44

1-34 หลักการและแนวคิดทางการปฐมวัยศึกษา

       เคทส์ (Katz) กล่าว​ว่า สิ่ง​สำ�คัญ​สำ�หรับ​ครู​ที่​จะ​ต้อง​คำ�นึง​ถึง คือ ผล​ที่​เด็ก​จะ​ได้​รับ​จาก​การ​จัด​
ประสบการณ์ต​ ่างๆ ของค​ รู โรงเรียน​เปรียบเ​สมือน​แหล่ง​ที่​ได้ม​ าซ​ ึ่ง​ความ​รู้ ทัศนคติ ทักษะ และ​อุปนิสัยใ​จคอ
เช่น การส​ อนใ​หเ้​ด็กอ​ ่านไ​ดน้​ ั้นไ​ม่ใชอ่​ ยูท่​ ีก่​ ระบวนการเ​ท่านั้น แตอ่​ ยูท่​ ีก่​ ารท​ ำ�ใหเ้​ด็กร​ ู้สึกร​ ักใ​นการอ​ ่าน เพื่อท​ ีจ่​ ะ​
ได้ค​ งพ​ ฤติกรรม​นี้ต​ ่อไ​ป การจ​ ัดก​ ิจกรรมท​ างว​ ิชาการท​ ี่ไ​ม่เ​หมาะ​สมก​ ับเ​ด็กน​ ั้นถ​ ือว่า เป็นการ​ทำ�ลายค​ วามร​ ู้สึก​
ของ​เด็ก ทำ�ให้​เด็ก​คิด​ว่า​ตนเอง​เป็น​ผู้​ที่​ไม่มี​ความ​สามารถ (Brewer, 1992) นอก​จา​กนี้ เคทส์ยัง​ได้​แนะนำ�
​ให้​เห็น​ถึง​ความ​สำ�คัญ​ที่​เด็ก​ควร​จะ​ได้​รับ​ความ​รัก และ​รู้สึก​ว่า​ตนเอง​เป็น​ผู้​ที่​ถูก​คน​อื่น​รัก ทั้ง​ยัง​รู้สึก​ด้วย​ว่า​
อะไรก​ ็ตาม​ที่ต​ น​ทำ� หรือไ​ม่​ได้ท​ ำ� ล้วน​แต่​มีค​ วาม​สำ�คัญต​ ่อ​คนอ​ ื่น (Eliason & Jenkins, 1990)

       เอลไ​คนด์ (Elkind) เน้น​ให้​เห็น​ถึง​อันตรายใ​นก​ าร​เร่งรัดเ​ด็ก​ให้เ​รียนร​ ู้ท​ างว​ ิชาการม​ ากเ​กิน​ไป​ตั้งแต​่
ยัง​เล็ก เอล​ไคนด์​เห็น​ว่า​เด็ก​ใน​ปัจจุบัน​นี้​ถูก​เร่งรัด​จาก​พ่อ​แม่​จน​ทำ�ให้​เด็ก​เกิด​ความเครียด​และ​วิตก​กังวล
เอลไ​คนดพ​์ ยายามท​ จี​่ ะช​ ใี​้ หเ​้ หน็ ว​ า่   สมยั น​ ผี​้ ูใ้ หญเ​่ รง่ รดั เ​ดก็ จ​ นเ​กนิ ก​ �ำ ลงั อ​ ยา่ งไร  ความค​ ดิ ใ​หมเ​่ กีย่ วก​ บั ค​ วามเ​กง่
​ของ​เด็ก ทำ�ให้​ผู้ใหญ่​คิด​เอง​ว่า จะ​เร่งรัด​เด็ก​ได้​โดย​มิ​ต้อง​คำ�นึง​ถึง​ความ​เสีย​หาย​ใดๆ ใน​ภาย​หลัง (Elkind,
1988; Brewer, 1992) นอกจากน​ ี้ จะเ​ห็น​สังคมอ​ เมริกันท​ ุก​วันน​ ี้ มีค​ ่าน​ ิยม​ทาง​วัตถุ เด็กเ​ก่ง​หรือ​ซู​เปอร์​คิด
จึงไ​ด้​รับก​ ารส​ นับสนุนร​ อบด​ ้าน ใน​ระบบก​ ารศ​ ึกษาก​ ็​มีก​ ารป​ ฏิรูปข​ ยายห​ ลักสูตร เพิ่มว​ ัน เวลาใ​น​การ​เรียน ให้
การ​บ้าน​มาก​ขึ้น เพื่อ​ใช้​ประโยชน์​จาก​การ​เป็น​ซู​เปอร์​คิด มอง​เห็น​ความเครียด​ใน​ตัว​เด็ก​เป็น​เรื่อง​ธรรมดา
เอล​ไคนด์​พยายาม​ที่​จะ​มุ่ง​ให้​พ่อ​แม่ นักการ​ศึกษา และ​ผู้เ​กี่ยวข้อง​กับ​เด็ก​ตระหนัก​ว่า ความ​กดดัน​นั้น​มีจ​ ริง​
ในส​ ังคม​ทุกว​ ันน​ ี้ จะ​ได้​หา​ทาง​ช่วย​ให้เ​ด็ก​รับมือ​กับ​ความเครียดน​ ั้น​ได้​อย่างม​ ี​ประสิทธิภาพ เอลไ​คนด์​จึง​เชื่อ​
ว่า เด็ก​ควร​ได้​รับ​การ​สนับสนุน​ให้​เล่น​อย่าง​จริงจัง และ​เลือก​ทำ�​กิจกรรม​ด้วย​ตนเอง เพื่อ​ที่​จะ​ได้​ต้านทาน​
ความเครียด​ที่ม​ ี​อยู่ใ​น​โลกท​ ุกว​ ัน​นี้ (Brewer, 1992)

       ไวท์​คาร์ท (Weikart) ได้​พัฒนา​โปร​แก​รมไฮ/ส​โคพ (High/Scope) ที่​มี​พื้น​ฐาน​อยู่​บน​ทฤษฎี​ของ​
พี​อา​เจต์ โดย​มี​หลัก​การ​ที่​ช่วย​ให้​เด็ก​ได้​มี​โอกาส​เลือก ตัดสิน​ใจ แก้​ปัญหา​และ​กระทำ�​สิ่ง​ต่างๆ ด้วย​ตนเอง
ทั้ง​ยัง​สนับสนุน​การก​ระ​ทำ� และ​การ​ใช้​ภาษา​ของ​เด็ก รวม​ถึง​การ​คง​ไว้​ซึ่ง​สิ่ง​แวดล้อม​ที่​สะดวก​และ​ปลอดภัย
(Brewer, 1992) ไวท์​คาร์ท​และ​คณะ ได้​ทำ�การ​ทดลอง​โปรแกรม​นี้​มา​ตั้งแต่​ปี ค.ศ. 1962 โดย​เน้น​ให้​เด็ก​มี​
โอกาส​วางแผน​และ​ระลึก​ย้อน​กลับ​ถึง​กิจกรรม​ที่​ทำ�​ด้วย​ตนเอง หัวใจ​สำ�คัญ​ของ​การ​จัด​สภาพ​แวดล้อม​ใน​
ห้องเรียน คือ การจ​ ัดพ​ ื้นที่เ​ปิด​กว้างส​ ำ�หรับก​ ิจกรรมก​ ลุ่ม และก​ ิจกรรมส​ ำ�หรับก​ ล้าม​เนื้อใ​หญ่ โดยล​ ้อมร​ อบ​
ด้วยม​ ุมป​ ระสบการณ์ต​ ่างๆ เด็กถ​ ูกค​ าดห​ วังว​ ่า​จะท​ ำ�​กิจกรรมต​ ่างๆ ตามล​ ำ�ดับ​ใน​แต่ละว​ ัน ส่วนค​ รู​ก็จ​ ะด​ ำ�เนิน​
กิจกรรมต​ าม​ตาราง​กิจกรรมป​ ระจำ�​วัน​อย่างเ​สมอต​ ้นเ​สมอป​ ลาย (Berk, 1988)

       ผล​การ​ทดลอง​ของ​ไวท์​คาร์ท​และ​คณะ​แสดง​ให้​เห็น​ว่า เด็ก​ที่​เรียน​ใน​โปร​แก​รมไฮ/ส​โคพ​มี​อัตรา​
พฤติกรรมป​ ัญหา​ทางส​ ังคม​ตํ่า มี​ผลส​ ัมฤทธิ์ท​ างการ​เรียนด​ ้าน​การ​อ่าน เลขคณิต และ​ภาษาส​ ูง​กว่าเ​ด็ก​อื่น​ใน​
ทุกร​ ะดับ​ชั้น (Berk, 1988) ดังน​ ั้น จ​ ึงเ​ป็น​ข้อส​ นับสนุนใ​ห้เ​ห็น​ความส​ ำ�คัญ​ของ​การเ​ข้าเ​รียน​ในส​ ถานศ​ ึกษาท​ ี่​ด​ี
มีค​ ุณภาพ เพราะโ​ปรแกรมท​ ี่​ดีม​ ี​คุณภาพส​ ูงจ​ ะม​ ี​ผล​ถึง​ความแ​ ตกต​ ่างข​ องช​ ีวิตเ​ด็กใ​นร​ ะยะย​ าว ความแ​ ตกต​ ่าง​
นี้​มิได้เ​กิด​ขึ้น​เฉพาะ​เด็ก แต่จ​ ะเ​กิด​กับช​ ุมชน​และ​สังคม​ด้วยเ​ช่นก​ ัน

       มูลนิธกิ​ ารศ​ ึกษาไ​ฮ/สโ​คพ ยังไ​ด้จ​ ัดพ​ ิมพห์​ นังสือ สิ่งพ​ ิมพต์​ ่างๆ ที่จ​ ะช​ ่วยใ​หค้​ รูป​ ฐมวัยเ​ข้าใจก​ ารส​ อน​
ภาษา เลขคณิต และ​กิจก​ ร​รม​อื่นๆ ด้วย​วิธี​การ​ตาม​แบบ​ไฮ/สโ​คพ
   39   40   41   42   43   44   45   46   47   48   49