Page 48 - หลักการและแนวคิดทางการปฐมวัยศึกษา
P. 48

1-38 หลักการและแนวคิดทางการปฐมวัยศึกษา

            1)	การถ​ ่ายทอดท​ ีใ​่ หผ้​ ลท​ างบ​ วก (Positive transfer) คือ การ​ถา่ ยทอดจ​ ากภ​ าษาแ​ มไ​่ ปส​ ูภ​่ าษา​
ที่ส​ อง​ที่ใ​ห้ผ​ ลออ​ กม​ าถ​ ูกต​ ้อง​ตรง​กับท​ ี่ใ​ช้จ​ ริงใ​นภ​ าษาท​ ี่จ​ ะเ​รียน จึง​ไม่ก​ ่อใ​ห้เ​กิด​ปัญหาใ​นก​ าร​เรียน แต่ก​ ลับ​จะ​
ทำ�ให้​การเ​รียนง​ ่าย​ขึ้น

            2)	การถ​ ่ายทอดท​ ีใ​่ หผ​้ ลท​ างล​ บ (Negative transfer) คือ การ​ถา่ ยทอดจ​ ากภ​ าษาแ​ มไ​่ ปส​ ูภ​่ าษา​
ที่​สอง​ที่​ให้​ผลลัพธ์​ผิด​จาก​ที่​ใช้​จริง​ใน​ภาษา​ที่​สอง การ​ถ่ายทอด​ประเภท​นี้​อาจ​เรียก​ว่า​เป็นการ​แทรกแซง​จาก​
ภาษาแ​ ม่

       ใน​ระยะแ​ รกข​ อง​การส​ อนภ​ าษาท​ ี่​สอง ครู​ควร​สร้าง​แรงจ​ ูงใจ​ให้เ​ด็ก​อยากเ​รียนร​ ู้​ด้วย​กิจกรรมท​ ี่​สนุก​
และน​ า่ ส​ นใจ ภาษาท​ นี​่ �ำ ​มาใ​ชใ​้ นก​ ารส​ ือ่ สารค​ วรเ​ปน็ ค​ �ำ ​งา่ ยๆ ทเี​่ ดก็ เ​คยไ​ดย้ นิ ไ​ดฟ​้ งั ม​ าบ​ า้ งแ​ ลว้ ในก​ รณจ​ี �ำ เปน็ อ​ าจ​
แปลเ​ปน็ ภ​ าษาแ​ มไ​่ ดบ​้ า้ ง กจิ กรรมต​ อ้ งง​ า่ ยพ​ อทีจ​่ ะท​ �ำ ใหเ​้ ดก็ เ​ขา้ ใจแ​ ละส​ ามารถร​ ว่ มก​ จิ กรรมไ​ด้ ดงั น​ ัน้ ​  กจิ กรรม​
ที่เ​หมาะส​ ม​และ​ดี​ที่สุด คือ เพลง และเ​กม​การเ​ล่น​ต่างๆ โดย​เน้น​ที่​การใ​ห้เ​ด็ก​ได้​ฟัง​ให้​มาก ดัง​ที่แ​ มคอินทอช
(McIntosh, 1965 อ้าง​ถึงใ​นท​ ิพากร วงศ์​ปลั่ง 2539: 13) กล่าว​ว่า เด็กเ​รียนร​ ู้​ภาษา​ที่​สอง​ด้วย​กระบวนการ​
เดียว​กับ​การ​เรียน​รู้​ภาษา​ที่​หนึ่ง กล่าว​คือ ใน​ขั้น​แรก​เด็ก​ต้อง​มี​โอกาส​รับ​ฟัง​ภาษา​ที่​จะ​เรียน​ให้​มาก​ที่สุด
จนส​ ามารถแ​ ยกแยะค​ วามแ​ ตกต​ ่างข​ องค​ ำ�​ทีไ่​ด้ยินแ​ ละอ​ อกเ​สียงไ​ดถ้​ ูกต​ ้อง ในข​ ั้นท​ ีส่​ อง เด็กส​ ามารถเ​ลียนแ​ บบ​
คำ� วลี หรือร​ ูปป​ ระโยคจ​ ากค​ รู และใ​นข​ ั้นต​ อนส​ ุดท้าย ให้เ​ด็กพ​ ยายามอ​ อกเ​สียงแ​ ละพ​ ูดอ​ อกม​ าใ​ห้ถ​ ูกต​ ้องแ​ ละ​
เป็น​ไปต​ าม​อัตโนมัติ​ด้วย​ตนเอง

       การ​เรียน​รู้​ภาษา​ที่​สอง​ใน​ระยะ​แรก เด็ก​ต้องการ​เวลา​ใน​การ​ฝึก​ฟัง​เพื่อ​ทำ�ความ​เข้าใจ​กับ​คำ�​พูด​ที่​ครู​
และเ​พื่อนๆ สื่อสาร​ด้วย เด็กอ​ าจย​ ัง​ไม่​สามารถ​พูดโ​ต้ตอบ​กับ​คน​รอบ​ข้าง​ได้ด​ ีน​ ัก จึงเ​ลือก​ใช้ภ​ าษาท​ ่าทางช​ ่วย​
ในก​ าร​สื่อค​ วามห​ มาย ซึ่ง​ก็​มี​ข้อ​จำ�กัดห​ ลายอ​ ย่าง ภาษา​ท่าทาง​บางอ​ ย่าง​ไม่​สามารถส​ ื่อสาร​ให้​เข้าใจ​ตรง​กัน​ได้
บาง​ครั้ง​ยัง​ทำ�ให้​เกิด​การเ​ข้าใจผ​ ิด​กัน​ได้ อัน​เนื่อง​มา​จาก​วัฒนธรรม​ที่แ​ ตกต​ ่าง​กัน ดัง​นั้น​เด็กจ​ ึง​ต้องการ​เวลา​
ในก​ าร​ปรับ​ตัว​ให้​เข้า​กับส​ ังคมแ​ ละว​ ัฒนธรรม​ทาง​ภาษา​ที่จ​ ะ​เรียน เพื่อใ​ห้​สามารถเ​ข้าไปเ​ล่น​และ​ร่วม​กิจกรรม​
กับ​เพื่อน​ในห​ ้อง​ได้​อย่างก​ ลมกลืน ซึ่ง​ครู​สามารถช​ ่วย​เด็ก​ที่​ต้อง​เรียนร​ ู้ส​ องภ​ าษาใ​ห้​สามารถเ​ข้าใจแ​ ละส​ ื่อสาร
​กับ​เพื่อนๆ ใน​ห้อง​ได้ ด้วย​การ​ส่ง​เสริม​และ​สนับสนุน​ให้​เด็ก​ได้​ทดลอง​พูด​ภาษา​ที่​สอง​ใน​บรรยากาศ​ที่​อบอุ่น
เป็น​กันเอง ไม่​ต้อง​กังวล​ว่า​จะ​ถูก​วิพากษ์​วิจารณ์​จาก​ครู​และ​เพื่อน เช่น การ​เสนอ​ความ​คิด การ​พูด​แสดง​
ความค​ ิด​เห็น การบ​ อกค​ วามต​ ้องการ อารมณ์ และ​ความร​ ู้สึกต​ ่างๆ (Krashen, Terrell, and Candlin, 2009:
14-15)

       นักการศ​ ึกษาป​ ฐมวัยแ​ ละค​ รูป​ ฐมวัยส​ ่วนใ​หญม่​ คี​ วามเ​ห็นต​ รงก​ ันว​ ่า เด็กส​ ามารถเ​รียนร​ ูภ้​ าษาแ​ มแ่​ ละ​
ภาษา​ที่​สอง​ผ่าน​การ​เล่น ขณะ​เล่น​ด้วยก​ ัน เด็ก​จะม​ ี​วิธีก​ ารใ​น​การ​สื่อสาร​ความค​ ิด​ความ​รู้สึกซ​ ึ่ง​กันแ​ ละก​ ันไ​ป​
ตาม​ธรรมชาติ เริ่มจ​ าก​การพ​ ูด​คุยส​ นทนา​กัน​แบบ​ง่ายๆ นำ�​ไปส​ ู่​การเ​รียน​รู้​คำ�​ศัพท์​ใหม่ (Pate, 2009: 14-15)
ดังน​ ั้น การพ​ ัฒนาค​ วามส​ ามารถใ​นก​ ารเ​รียนร​ ูภ้​ าษาท​ ีส่​ องใ​หก้​ ับเ​ด็กจ​ ึงต​ ้องท​ ำ�​ควบคูไ่​ปก​ ับก​ ารพ​ ัฒนาท​ ักษะท​ าง​
สังคม ดัง​ที่​คราเ​ชน เทอ​ ร์เรล และแ​ คน​ดลิน (Krashen, Terrell, and Candlin, 2009: 14) กล่าว​ว่า การส​ อน​
ภาษาท​ ีส่​ องใ​หก้​ ับเ​ด็กเ​ล็ก ควรเ​ชื่อมโ​ยงร​ ะหว่างพ​ ัฒนาการท​ างภ​ าษาก​ ับพ​ ัฒนาการท​ างส​ ังคมเ​ข้าด​ ้วยก​ ันโ​ดยใ​ช​้
แนว​ทฤษฎีธ​ รรมชาติ (Natural Approach Theory) ซึ่งม​ ีห​ ลักก​ าร​ที่ส​ ำ�คัญ 4 ประการ คือ
   43   44   45   46   47   48   49   50   51   52   53