Page 41 - การจัดประสบการณ์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์
P. 41

กระบวนการ​ดำ�รงช​ ีวิต 2-31

3. 	เอนไซม*์

       ใน​ปฏิกิริยา​เคมี​ของ​กระบวนการ​ชีวภาพ​ของ​สิ่ง​มี​ชีวิต​จำ�เป็น​ต้อง​อาศัย​ตัว​เร่ง​ปฏิกิริยา​ชีวภาพ
(biocatalyst) ซึ่ง​ใน​สิ่ง​มี​ชีวิต​จะ​มี​โปรตีน​จำ�พวก​หนึ่ง​ที่​เรียก​รวม​กัน​ว่า เอนไซม์ (enzyme) ทำ�​หน้าที่​นี้​โดย​
เฉพาะ

       3.1	 สมบัต​แิ ละ​ปฏกิ ริ ิยา​ของ​เอนไซม์ ในท​ าง​ชีวเคมี เรียกส​ าร​ที่​เข้า​ทำ�ป​ ฏิกิริยา​ว่า สับส​ เ​ตรต (sub-
strate, S) ดัง​นั้น สมการโ​ดย​ทั่วไปท​ ี่​มีเ​อนไซม์เ​ป็นต​ ัว​เร่งป​ ฏิกิริยา​จึงเ​ขียน​ได้ด​ ังนี้

                  (ES)      (EP)
          E+S E+P

       ใน​ที่​นี้ P หมาย​ถึง​ผลผลิต (product) ที่​เกิด​จาก​สับ​ส​เตรต โดย​มี​เอนไซม์ E เป็น​ตัว​เร่ง​ปฏิกิริยา​
ในร​ ะหวา่ งก​ ารเ​กดิ ป​ ฏกิ ริ ยิ า เมือ่ เ​อนไซมจ​์ บั ก​ บั ส​ บั ส​ เ​ตรต จะเ​กดิ เ​ปน็ ส​ ารเ​ชงิ ซอ้ นเ​อนไซม-์ สบั ส​ เ​ตรต (enzyme-
substrate complex, ES) จากน​ ัน้ ส​ บั ส​ เ​ตรตใ​นส​ ภาพเ​ปลีย่ นจ​ ะม​ ก​ี ารเ​ปลีย่ นแปลงท​ างเ​คมเ​ี ปน็ ส​ ารเ​ชงิ ซอ้ นข​ อง​
เอนไซม์-ผลผลิต (enzyme-product complex, EP) ซึ่งต​ ่อ​มาจ​ ะ​แตกอ​ อกเ​ป็น​ผลผลิตแ​ ละ​เอนไซม์​อิสระ

       3.2 	ความจ​ ำ�เพาะเ​จาะจงร​ ะหวา่ งเ​อนไซมแ​์ ละส​ บั ส​ เ​ตรต   ในป​ ฏกิ ริ ยิ าช​ วี เคมน​ี นั้ เอนไซมแ​์ ละสบั ส​ เ​ตรต​
ต​ ้องม​ ีก​ ารจ​ ับก​ ัน บริเวณข​ องเ​อนไซม์ท​ ี่ใ​ช้ใ​นก​ ารจ​ ับก​ ับส​ ับส​ เ​ตรต​ มีล​ ักษณะเ​หมือนร​ ่อง และโ​ครงร​ ูปข​ องร​ ่องน​ ี​้
จะล​ งตัวพ​ อดีก​ ับโ​ครงร​ ูปข​ องส​ ับส​ เ​ตรตเ​มื่อเ​ข้าท​ ำ�ป​ ฏิกิริยา ความจ​ ำ�เพาะเ​จาะจงร​ ะหว่างเ​อนไซม์ก​ ับส​ ับส​ เ​ตรต​ ​
อธบ​ิ ายไ​ดด​้ ว้ ยส​ มมตฐิ านแ​ มก่ ญุ แจ-ลกู กญุ แจ (lock and key hypothesis) ซึง่ เ​ชือ่ ก​ นั ว​ า่ เอนไซมก​์ บั ส​ บั ส​ เ​ตรต​ ​
มี​ลักษณะค​ ล้าย​แม่กุญแจ-ลูกกุญแจ หรือท​ ฤษฏี​การ​เหนี่ยว​นำ� (induced fit theory) ซึ่งเ​ชื่อ​ว่า ร่อง​เอนไซม​์
ที่ใ​ช้ท​ ำ�​ปฏิกิริยาม​ ีก​ ารป​ รับ​โครง​รูปไ​ด้ต​ าม​โครงร​ ูป​ของ​สับส​ เ​ตรตท​ ี่​มี​ความ​จำ�เพาะก​ ับเ​อนไซม์​นั้น

       3.3 	การ​ควบคุม​การ​ทำ�งาน​ของ​เอนไซม์ เอนไซม์​ทำ�งาน​เพื่อ​ให้​เกิด​ผลผลิต​ที่​ใช้​ใน​การ​ดำ�รง​ชีวิต
ปริมาณ​การ​ผลิต​จะ​ต้อง​อยู่​ใน​ระดับ​ที่​เหมาะ​สม กล่าว​คือ ไม่​มาก​หรือ​น้อย​กว่า​ความ​ต้องการ ดัง​นั้น​จึง​ต้อง​
มี​ระบบ​ควบคุม​เพื่อ​ให้การ​ทำ�งาน​เป็น​ไป​อย่าง​มี​ประสิทธิภาพ​สูง ใน​ธรรมชาติ​ปฏิกิริยา​ชีวเคมี​ไม่​ได้​เกิด​เป็น​
เอกเทศ แต่จ​ ะ​มีก​ าร​เกิด​เป็น​ขั้น​ตอน​ต่อเ​นื่องก​ ัน กล่าวค​ ือ ผลผลิต​ที่​เกิด​จากป​ ฏิกิริยา​หนึ่ง​จะ​เป็น​สับส​ ​เตรต​
ของ​อีก​ปฏิกิริยาห​ นึ่งด​ ัง​สมการ

	   E1 	  B	  E2	  C	 E3	  D	     E4  E
A	

       นอกจาก​นี้​ปฏิกิริยา​มี​การ​แตก​แขนง​ได้​ด้วย จาก​ลักษณะ​ดัง​กล่าว​ข้าง​ต้น​จึง​พบ​ว่า ปฏิกิริยา​ทั้ง​
หลาย​ภายใน​เซลล์​มี​ความ​สัมพันธ์​เชื่อม​โยง​กัน การ​เปลี่ยนแปลง​ของ​สาร​ตัว​ใด​ตัว​หนึ่ง​ภายใน​เซลล์​จะ​ส่ง​ผล​
กร​ ะท​ บ​ไปย​ ัง​ปฏิกิริยา​อื่น ใน​ปฏิกิริยา​ที่​ซับซ​ ้อนน​ ี้​พบว​ ่า ปริมาณ​ผลผลิตส​ ุดท้าย​ขึ้น​กับ​ความเร็ว​ของ​ปฏิกิริยา​

         * รวบรวมแ​ ละเ​รยี บเ​รยี งจ​ าก จ�ำ รัส พร้อมม​ าศ (2548) “ชวี โมเลกลุ ” ใน เอกสารการสอนชุดวชิ าวทิ ยาศาสตร์พื้นฐาน หนว่ ยที่
13 หน้า 85-152 นนทบุรี สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
   36   37   38   39   40   41   42   43   44   45   46