Page 19 - หลักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ และบริบททางภาษา
P. 19

ภาษาและภาษาศาสตร์ 8-9

นัก​ภาษาศาสตร์ ซึ่ง​มี​ทั้ง​เห็น​ด้วย​และ​ไม่​เห็น​ด้วย​กับ​แนว​คิด​ของ​ชอม​สกี อย่างไร​ก็ตาม​แนวคิด​ดัง​กล่าว​ก็ได้​
รับค​ วามเ​ชื่อถ​ ือก​ ัน​มากใ​นห​ มู่​นักภ​ าษาศาสตร์ด​ ้วยก​ ัน

       เหตุ​ที่​สมมติ​ฐาน​ของ​ชอม​สกี​มี​ความ​น่า​เชื่อ​ถือ​เป็น​เพราะ หลัง​จาก​นั้น​นัก​วิทยาศาสตร์​หลาย​ท่าน
​ได้​ทำ�การ​ศึกษา​การ​ทำ�งาน​ของ​สมอง​และ​พบ​ว่า​สมอง​เป็น​ส่วน​สำ�คัญ​ต่อ​การ​ใช้​ภาษา​เพื่อ​สื่อสาร​ของ​มนุษย์
ตัวอย่าง​เช่น ใน​ปี ค.ศ. 1861 พอล โบร​คา (Paul Broca) ได้​ทำ�การ​ศึกษา​ผู้​ป่วย​ที่​มี​ปัญหา​ทางการ​สื่อสาร
แ​ ละก​ ารพ​ ูด โดยผ​ ู้ป​ ่วยร​ ายน​ ี้ส​ ามารถพ​ ูดไ​ด้เ​พียงค​ ำ�​เดียว หลังจ​ ากผ​ ู้ป​ ่วยเ​สียช​ ีว​ ิตโ​บรค​ าก​ ็ได้ท​ ำ�การผ​ ่าตัดแ​ ละ​
ศึกษา​สมอง​ของ​ผู้​ป่วย เขา​พบ​ว่า​สมอง​ส่วน​หน้า​ทาง​ด้าน​ซ้าย​ของ​ผู้​ป่วย​เสีย​หาย​อย่าง​รุนแรง ต่อ​มา​ได้​มี​การ​
ศึกษา​เพิ่ม​เติม​และ​พบ​ว่า ผู้​ป่วย​ที่​สมอง​ส่วน​นี้​ได้​รับ​การก​ระ​ทบ​กระเทือน​จะ​สามารถ​เข้าใจ​ภาษา​ที่​สื่อสาร​ได้
แต่พ​ วก​เขาก​ ลับไ​ม่ส​ ามารถส​ ื่อสาร​ความ​คิด​ของ​ตน​ออกม​ า​เป็นค​ ำ�​พูดไ​ด้ ทำ�ให้พ​ วก​เขา​มีอ​ าการ​พูดต​ ิดขัด​และ​
อ้อแอ้ ต่อม​ า​ใน​ภายห​ ลัง​ชิ้นส​ ่วนข​ องส​ มองช​ ิ้น​นี้ถ​ ูก​เรียก​ว่า “Broca’s area” อีกห​ นึ่งง​ าน​วิจัยท​ ี่ส​ นับสนุนแ​ นว​
คิด​ของช​ อม​สกี​เกิด​ขึ้น​ในป​ ี ค.ศ. 1876 ซึ่ง คาร์ล เวอร์น​ ิกค์ (Carl Wernicke) ได้ศ​ ึกษา​พบ​ว่า หาก​อีกช​ ิ้นส​ ่วน​
หนึ่ง​ของส​ มอง​ถูก​ทำ�ลาย​ได้​รับ​ความเ​สีย​หายจ​ ะส​ ่งผ​ ลใ​ห้ผ​ ู้ป​ ่วยไ​ม่ส​ ามารถ​เข้าใจ​ภาษา​และ​การ​สื่อสาร อย่างไร​
ก็ตาม​ผู้​ป่วย​ยังส​ ามารถ​เปล่งเ​สียง​พูด​ออก​เป็นค​ ำ�​ได้ แต่​คำ�​พูดท​ ี่อ​ อก​มาน​ ั้น​กลับไ​ม่ส​ ื่อ​ความ​หมาย ทำ�ให้ผ​ ู้​ฟัง​
ไม่​สามารถ​เข้าใจ​ผู้​ป่วย​ได้ ซึ่ง​ต่อ​มาส​ ่วนน​ ี้​ของส​ มองถ​ ูกเ​รียก​ว่า “Wernicke’s area” จากก​ ารศ​ ึกษา​วิจัย​ของ​
นัก​วิทยาศาสตร์​ทั้ง​สอง​ท่าน ทำ�ให้​เรา​ทราบ​ได้​ว่า​สมอง​มี​ส่วน​สำ�คัญ​ต่อ​การ​เข้าใจ​ภาษา​และ​การ​พูด​คุย​สื่อสาร​
กัน​ของ​มนุษย์​จริงด​ ัง​ที่ช​ อมส​ กี​ได้​ตั้งส​ มมติฐาน​ไว้

       ใน​บทความ​เรื่อง “The Origin of Language and Communication” แบ​รด แฮร์​รับ (Brad
Harrub) เบ​ริท์ ธ​อมป์​สัน (Bert Thompson) และ​เดฟ มิล​เลอ​ร์ (Dave Miller) ได้​ยก​ตัวอย่าง​งาน​วิจัย​
ที่​ได้​รับ​การ​ตี​พิมพ์​ใน​วารสาร Scientific American ใน​ปี 1979 ซึ่ง​ศึกษา​เด็ก​ที่​มี​ความ​บกพร่อง​ทางการ​
ได้ยินจ​ ำ�นวน 500 คนใน​ประเทศ​นิค​ า​รากว​ ัย ซึ่ง​งาน​วิจัย​ชิ้น​นี้​ก็ร​ องรับ​สมมติฐ​ าน​ของช​ อม​สกี​ที่ว​ ่า​มนุษย์เ​กิด​
มา​พร้อม​กับ​สมอง​ที่​มี​พิมพ์เขียว​ใน​เรื่อง​ภาษา​เช่น​เดียวกัน โดย​เด็ก​กลุ่ม​นี้​เริ่ม​เข้า​เรียน​ใน​โรงเรียน​สำ�หรับ​
ผูบ้​ กพร่องท​ างการไ​ด้ยิน ซึ่งพ​ วกเ​ขาไ​มเ่​คยไ​ดเ้​รียนภ​ าษาม​ ือม​ าก​ ่อน ผลป​ รากฏว​ ่าภ​ ายในเ​วลาไ​มก่​ ีป่​ เี​ด็กก​ ลุ่มน​ ี​้
กลับส​ ามารถพ​ ัฒนาภ​ าษาม​ ืออ​ ย่างง​ ่ายๆ ของต​ นเองข​ ึ้นม​ าเ​พื่อใ​ชส้​ ื่อสารก​ ัน และเ​มื่อม​ เี​ด็กก​ ลุ่มใ​หม่เ​ข้าม​ า พวก​
เขาก​ ็เ​รียนร​ ูภ้​ าษาม​ ือด​ ังก​ ล่าวต​ ่อก​ ันไ​ปร​ ุ่นส​ ูร่​ ุ่น และโ​ครงสร้างท​ างไ​วยากรณ์ข​ องภ​ าษาม​ ือท​ ี่พ​ วกเ​ขาส​ ร้างข​ ึ้นเ​อง​
นีก้​ ม็​ คี​ วามซ​ ับซ​ ้อนม​ ากข​ ึ้นต​ ามก​ าลเ​วลาอ​ ีกด​ ้วย จึงเ​ห็นไ​ดว้​ ่าม​ ุมม​ องข​ องน​ ักภ​ าษาศาสตร์​ส่วนใ​หญเ่​ห็นว​ ่าภ​ าษา​
และก​ าร​สื่อสาร​เป็น​สิ่ง​ที่​ติดตัวม​ นุษย์​มาต​ ั้งแต่ก​ ำ�เนิด ซึ่ง​ก็​มี​ความ​คล้ายคลึง​กับเ​รื่อง​เล่า​ทาง​ศาสนาท​ ี่ว​ ่า​ความ​
เข้าใจ​ภาษา​นั้น​ติดตัวม​ นุษย์​มา​ตั้งแต่​เกิด​เช่น​กัน

              หลงั จ​ าก​ศึกษา​เนือ้ หา​สาระเ​รอ่ื ง​ที่ 8.1.2 แล้ว โปรด​ปฏบิ ัตกิ​ จิ กรรม 8.1.2
                      ใน​แนว​การศ​ กึ ษา​หน่วยท​ ่ี 8 ตอน​ท่ี 8.1 เรอ่ื ง​ท่ี 8.1.2
   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24