Page 22 - การพัฒนาทักษะและประสบการณ์วิชาชีพ สำหรับผู้นำทางการศึกษา
P. 22
4-12 การพัฒนาทักษะและประสบการณ์วิชาชีพสำ�หรับผู้นำ�ทางการศึกษา
วิชัย โถสุวรรณจ ินดา (2535: 142) กล่าวว่า ทีมงาน มีค วามห มายม ากกว่าก ลุ่มคนที่มาร วมกันเฉยๆ
แต่ทีมงานจะรวมไปถึงความเป็นผู้นำ�กลุ่ม กระบวนการตัดสินใจในกลุ่ม การใช้ทรัพยากรของกลุ่มให้เกิด
ประโยชน์ส ูงสุด และก ารผสมผ สานสมาชิกของกลุ่ม ซึ่งจะม ีผลอย ่างม ากต ่อการท ำ�งานร ่วมก ัน
มัลลิกา วิชชุก รอิงค รัต (2553: 11) ได้นิยาม การท ำ�งานเป็นท ีมไว้ว ่า หมายถ ึงการท ี่บุคคลตั้งแต่สอง
คนข ึ้นไปมาร ่วมกันทำ�กิจกรรมท ี่ม ีวัตถุประสงค์เดียวกัน สนับสนุนช่วยเหลือ ใช้ท ักษะประสบการณ์ร่วมก ัน
ทำ�งานอย่างเต็มความสามารถ และมีการประสานงานอย่างดีเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ และพัฒนาองค์การให้
บรรลุเป้าหมายส ูงสุดของท ีมได้
สรปุ ไดว้ า่ ทมี แ ละก ารท �ำ งานเปน็ ท มี หมายถ งึ การร ว่ มก นั ท �ำ งานข องส มาชกิ ต ัง้ แตส่ องค นข ึน้ ไป โดยที่
สมาชิกทุกคนม ีเป้าหมายเดียวกัน และทุกคนยอมรับร่วมกันท ี่จะท ำ�งานให้บรรลุเป้าหมายด ังกล่าว
องคค์ วามร ้ใูนก ารพัฒนาท มี งาน
ธรรมรส โชติก ุญชร (2548: 37-38) ได้กล่าวว ่า ถ้าจะก ล่าวเกี่ยวกับเรื่องของทีมง านจะต้องท ำ�ความ
เข้าใจใน 3 เรื่องท ี่ส ำ�คัญ ได้แก่
1. ธรรมชาตขิ องท มี ห รอื ก ล่มุ โดยค วามห มายต่างๆ ของทีมจะเกี่ยวเนื่องกับ 1) ธรรมชาติข องทีม
ทมี่ ุง่ จ ะร ว่ มก นั ใหบ้ รรลจุ ดุ ห มายอ นั เดยี วกนั มใิ ชเ่ พยี งก ารม าร วมก นั เหมอื นก ลุม่ (group) หรอื ก ลุม่ ช น (mob)
หากแต่ทีมนั้นต้องสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สร้างพลังของความสำ�นึกในการเป็นสมาชิกของทีม
2) การทำ�งานของทีมที่มุ่งหวังการเปลี่ยนแปลงโดยส่วนรวม ผู้นำ�จะมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อรู้วิธีการที่จะ
อำ�นวยความสะดวกให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกเพื่อให้เกิดการพัฒนาตัวบุคคลในทีม ตลอดจน
เกิดทักษะในก ารแสดงออกถ ึงค วามเข้าใจในก ารสัมพันธ์กับบุคคลอื่น 3) โครงสร้างทีม กล่าวคือปฏิสัมพันธ์
ภายในทีมจ ะเกี่ยวเนื่องก ับโครงสร้างข องท ีม และข อบข่ายโดยส ่วนรวมของทีม 4) พลวัต คือ ปัจจัยท ี่ทำ�ให้
ทีมเกิดความเข้าใจกัน ร่วมกันเลือกจุดมุ่งหมายแสดงพฤติกรรมของทีมและทีมพัฒนาไปได้ 5) การให้
คำ�ปรึกษาท ีม โดยผู้นำ�ทีมกระตุ้นให้สมาชิกแสดงออกอ ย่างเสรี หรือส ร้างสถานการณ์เพื่อให้สมาชิกค้นพบ
ความส ามารถของต นเอง ความต้องการของต นเองและพ ัฒนาบ ุคคลและกลุ่มให้ม ีพ ลังยิ่งขึ้น 6) กลุ่มบำ�บัด
หมายถ ึง วิธีการสนองความต ้องการข องส มาชิกในทีม ยึดโยงสมาชิกข องทีม ที่ทีมจ ะได้แสดงออกและบรรลุ
เป้าหมายได้ เช่น การอภิปรายกลุ่ม การจัดกิจกรรมก ลุ่ม เป็นต้น
2. ทฤษฎรี ปู แ บบค วามส มดลุ ทมี โดยค วามห มายแ ละล กั ษณะต า่ งๆ นัน้ ต ัง้ อ ยบู่ นพ ืน้ ฐ าน 3 ประการ
คือ 1) กิจกรรม 2) ปฏิสัมพันธ์ และ 3) ความร ู้สึกร่วมก ัน ได้ม ีนักว ิชาการหลายท ่านได้พ ยายามก ำ�หนดท ฤษฎี
ที่เป็นรูปแบบของกลุ่มสัมพันธ์ แต่มีทฤษฎีที่มีลักษณะรวบยอดคือ ทฤษฎีรูปแบบความสมดุล (balance
theory) ดังภาพที่ 4.1