Page 24 - การพัฒนาทักษะและประสบการณ์วิชาชีพ สำหรับผู้นำทางการศึกษา
P. 24

4-14 การพัฒนาทักษะและประสบการณ์วิชาชีพสำ�หรับผู้นำ�ทางการศึกษา

            3.5	 การ​ปฏิบัติ​งานเ​ป็น​ทีม ไม่ว​ ่าจ​ ะ​เป็นท​ ีมโ​ดย​ทั่วไป ทีม​ที่เ​ป็นก​ลุ่ม​งาน ทีมป​ ฏิบัติง​ าน ที่ม​ ี​
การร​ ่วมก​ ัน​คิดร​ ่วมก​ ันท​ ำ� มีก​ ารว​ างแผนร​ ่วมก​ ัน ทักษะจ​ ากท​ ีม​และก​ ารอ​ ยู่​ร่วมก​ ัน​ย่อมเ​กิดเ​ป็นท​ ักษะข​ องท​ ีม
หรือท​ ี่เ​รียก​ว่า​เป็น “พลังก​ ลุ่ม” ที่ส​ ำ�คัญใ​น​การป​ ฏิบัติ​งาน

       จะ​เห็น​ได้​ว่า หลัก​การ​ของ​ทีม​งาน​ย่อม​อาศัย​ธรรมชาติ​ของ​ทีม​เป็น​พื้น​ฐาน​แล้ว​นำ�​ธรรมชาติ​ของ​ทีม​
มา​เป็น​พลัง​ใน​การ​ทำ�งาน อย่าง​น้อย​ก็​สามารถ​ใช้​ทีม​ให้​เกิด​คุณค่า​ใน​บทบาท​พื้น​ฐาน​ให้​เกิด​ประสิทธิภาพ​ใน​
การ​ทำ�งาน​ได้

วงจรช​ ีวติ ข​ องท​ มี

       หาก​จะ​มอง​ทีม​งาน​เป็นการ​ทำ�งาน​ร่วม​กัน​ของ​บุคคล เป็น​ทีม​ที่​มี​ชีวิต มีก​ าร​พัฒนา​และ​เจริญ​เติบโต
โดยม​ องผ​ ่าน​ขั้นต​ อนต​ ่างๆ เป็นว​ งจรช​ ีวิต​ของท​ ีม (team life cycle) จะ​จำ�แนกว​ งจรช​ ีวิต​ได้ 5 ขั้น​ตอน ดังนี้
(ณัฏฐพ​ ันธ์ เขจรน​ ันทน์ และ​คณะ 2546)

       ขั้น​ตอนท​ ่ี 1 	การก​ อ่ ต​ วั (forming) เป็นข​ ั้นต​ อนส​ ำ�คัญท​ ีจ่​ ะช​ ่วยใ​หส้​ มาชิกท​ ำ�ความร​ ู้จักแ​ ละค​ ุ้นเ​คยก​ ัน
อุปสรรคใ​นข​ ัน้ ต​ อนน​ อี้​ าจม​ ไ​ี ดจ​้ ากก​ ารค​ ดั ค้านแ​ ละต​ ่อต​ ้านค​ วามค​ ดิ ข​ องก​ ลุ่ม หรืออ​ คตท​ิ เี​่ กิดจ​ ากค​ วามแ​ ตกต​ ่าง​
ของบ​ ุคลิกภาพ และก​ ารป​ รับต​ ัวเ​ข้าก​ ับก​ ลุ่ม โดยที่ส​ มาชิกบ​ างค​ นจ​ ะส​ นใจเ​ฉพาะง​ านข​ องต​ น ขณะท​ ี่ส​ มาชิกอ​ ื่น​
เริ่ม​ให้​ความส​ นใจส​ ร้างค​ วามส​ ัมพันธ์​กับบ​ ุคคล​อื่นใ​นท​ ีมม​ าก​ขึ้น

       ข้ัน​ตอนท​ ่ี 2 	การโ​ตเ​้ ถยี งโ​จมตี (storming) เปน็ ข​ ัน้ ท​ แี​่ มว้ า่ ส​ มาชกิ จ​ ะร​ วมต​ วั ก​ นั เ​ปน็ กล​ ุม่ แ​ ลว้ แตค​่ วาม​
แตกต​ า่ งข​ องแ​ ตล่ ะบ​ คุ คลก​ อ​็ าจจ​ ะท​ �ำ ใหเ​้ กดิ ค​ วามไ​มเ​่ ขา้ ใจ ความข​ ดั แ​ ยง้ การโ​ตเ​้ ถยี ง เพือ่ แ​ ยง่ ช​ งิ ส​ ถานะ บทบาท
หน้าที่ และ​ความ​รับ​ผิด​ชอบ​ใน​ทีม ซึ่ง​จะ​ออก​มา​ใน​รูป​ของ​การ​ถก​เถียง การ​ชักจูง รวม​ถึง​การ​สร้าง​มิตรภาพ
โดย​สมาชิก​ที่ไ​ม่​สามารถ​ปรับ​ตัว​เข้า​กับบ​ ุคคล​อื่นใ​นท​ ีม​งาน อาจจ​ ะ​ลด​บทบาทล​ งแ​ ละถ​ อน​ตัวอ​ อก​จากก​ ลุ่ม

       ความ​แตก​ต่าง​ระหว่าง​ทีม​ที่​ประสบ​ความ​สำ�เร็จ​และ​ทีม​ที่​ล้ม​เหลว​คือ ทีม​ที่​ประสบ​ความ​สำ�เร็จ​จะ​มี​
พัฒนาการ​ผ่าน​การ​มี​ปฏิสัมพันธ์​ไป​ยัง​ขั้น​ตอน​ถัด​ไป​ได้​อย่าง​สร้างสรรค์ สมาชิก​ต่าง​เปิด​ใจ​ที่​เรียน​รู้ และ​อยู่​
ร่วมก​ ันในข​ ณะ​ที่​ทีม​ที่ล​ ้ม​เหลว​จะท​ ำ�ให้ส​ มาชิก​เกิด​ความข​ ัด​แย้ง ซึ่ง​จะส​ ่งผ​ ล​ให้​มี​ปัญหาใ​น​การท​ ำ�งาน​ร่วมก​ ัน

       ขน้ั ​ตอน​ท่ี 3	การส​ รา้ งบ​ รรทดั ฐาน (norming) เปน็ ข​ ัน้ ท​ ยี​่ อมรบั ว​ า่ ค​ วามส​ �ำ เรจ็ ใ​นก​ ารส​ รา้ งท​ มี ง​ านส​ ว่ น​
หนึ่ง​มา​จาก​การ​ที่ส​ มาชิก​ได้ม​ ีโ​อกาสร​ ่วมก​ ันก​ ำ�หนดก​ ฎ​เกณฑ์ บรรทัดฐาน บทบาท และ​ระเบียบ​วิธีป​ ฏิบัติข​ อง​
ทีม ซึ่งอ​ าจ​จะเ​ป็นไ​ปอ​ ย่างเ​ป็น​ทางการ​หรือไ​ม่เ​ป็นท​ างการ เพื่อ​เข้าส​ ู่​ขั้น​ตอน​การท​ ำ�งาน​และก​ ารเ​ติบโตข​ อง​ทีม
ปัจจัย​ที่​สำ�คัญ คือ​สมาชิก​จะ​ต้อง​เปลี่ยนแปลง​ความ​สนใจ​ส่วน​ตัว​มา​สู่​การ​สนับสนุน​และ​ความ​สนใจ​ร่วม​กัน
ซึ่ง​จะ​ช่วยใ​ห้เ​กิด​การป​ ระสาน​พลังแ​ ละก​ าร​ทำ�งาน​ให้​บรรลุ​เป้าห​ มาย

       ข้ันต​ อน​ที่ 4	การ​ปฏิบัติ​งาน (performing) เป็น​ขั้น​ที่​สมาชิก​ใน​ทีม​ต่าง​มี​ความ​เข้าใจ ผูกพัน และ​
สามคั คร​ี ะหวา่ งก​ ัน โดยส​ มาชกิ จ​ ะไ​มแ่​ สดงแ​ ตเ​่ พยี งค​ วามส​ นใจใ​นก​ ารท​ ำ�งานข​ องต​ นเอง และท​ ีมง​ านใ​หด​้ เี​ท่านั้น
แตจ่​ ะใ​หค้​ วามส​ นใจก​ บั ค​ วามต​ ้องการห​ รอื ป​ ญั หาส​ ว่ นต​ ัวข​ องส​ มาชกิ ค​ นอ​ ื่น โดยพ​ ยายามท​ ำ�ความเ​ขา้ ใจ และใ​ห​้
ความช​ ่วยเ​หลืออ​ ย่างเ​ต็มท​ ี่ ซึ่งค​ วามเ​ป็นอ​ ันห​ นึ่งอ​ ันเ​ดียวกันข​ องส​ มาชิกใ​นท​ ีม จะช​ ่วยใ​หใ้​นท​ ีมม​ บี​ รรยากาศใ​น​
การ​ทำ�งาน​ที่​ดี ผลง​ าน​ก้าวหน้า และ​ทำ�ให้​การ​ปฏิบัติ​งานข​ องท​ ีมม​ ี​ผลิต​ภาพ​สูง​มากข​ ึ้น
   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29