Page 26 - การพัฒนาทักษะและประสบการณ์วิชาชีพ สำหรับผู้นำทางการศึกษา
P. 26
4-16 การพัฒนาทักษะและประสบการณ์วิชาชีพสำ�หรับผู้นำ�ทางการศึกษา
9. สร้างค วามร ู้สึกเป็นส ่วนห นึ่งข องท ีมง าน มีค วามรับผ ิดช อบร ่วมก ัน และผ ูกพันท างใจต ่อก ันข อง
ทีมง าน
การท ำ�งานเป็นท มี น อกจากจ ะม ผี ลด ตี อ่ ห น่วยง านโดยส ่วนร วมแ ลว้ ยังม ผี ลด ตี อ่ ส มาชิกแ ตล่ ะบ ุคคล
ในทีมง าน ด้วยเหตุผล 3 ประการ คือ (สุน ันทา เลาหนันทน์ 2549: 65)
1. ทีมง านเป็นการร วมเอาท รัพยากรม นุษยท์ ีม่ คี ่าทีส่ ุดข องอ งค์การเข้าด ้วยก ัน ทำ�ใหส้ ามารถป ฏิบัติ
งานท บี่ ุคคลเพียงค นเดยี วไมอ่ าจท ำ�ได้ เพราะน อกจากจ ะไดแ้ รงก าย แรงใจเพิม่ ข ึน้ แ ลว้ ย งั จ ะไดค้ วามค ดิ ห ลาย
แง่หลายมุมม าผสมผสานก ัน ทำ�ให้ศ ักยภาพแฝงท ี่แต่ละค นมีอยู่ถ ูกนำ�มาใช้ได้มากขึ้น
2. ทีมง านท ำ�ใหม้ กี ารม อบห มายใหร้ ับผ ิดช อบเพื่อป ฏิบัตหิ น้าทีต่ ามค วามถ นัด ความเชี่ยวชาญ และ
ความพ อใจข องแ ตล่ ะค น เปน็ การท �ำ ใหเ้ กดิ ก ารเรยี นร ซู้ ึง่ ก นั แ ละก นั ย งั ผ ลใหแ้ ตล่ ะค นม โี อกาสส รา้ งห รอื พ ฒั นา
ความส ามารถด้านอื่นๆ ให้ดีข ึ้นโดยการเรียนรู้จ ากสมาชิกผ ู้ร่วมงาน
3. ทีมง านช่วยให้สมาชิกแต่ละคนได้ร ับการตอบส นองความต ้องการท างส ังคม อันได้แก่ ความรัก
และการยอมรับซ ึ่งกันแ ละกัน อันจ ะเป็นบันไดน ำ�ไปส ู่ความส ำ�เร็จในชีวิตการทำ�งานในที่สุด
ทีมง านจ ะประสบความสำ�เร็จ หรือล้มเหลว ไม่ได้เกิดจากภายนอก และมิใช่ล้มเหลวเป็นรายบ ุคคล
แต่จะล้มเหลวทั้งทีม ดังนั้นผู้บริหารจึงต้องรับผิดชอบไม่ใช่เพียงภารกิจในแต่ละวันของตนเองเท่านั้น แต่
ต้องดูแลเอาใจใส่ให้ผู้ร่วมงาน หรือผู้ใต้บังคับบัญชาได้ทำ�งานร่วมกันเป็นทีมอย่างดี โดยอาจยึดแนวทางที่
เนตร์พัณณา ยาวิราช (2549: 119) สรุปให้เห็นบ รรยากาศแ ละการท ำ�งานเป็นท ีม ตามอ งค์ประกอบข องคำ�ว่า
การทำ�งานเป็นท ีม (team work) ดังนี้
T = Trust มีค วามไว้ว างใจ เชื่อใจกัน
E = Empathy เห็นอกเห็นใจ เข้าใจกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
A = Agreement มีค วามเห็นร่วมกัน เป็นไปในท ิศทางเดียวกัน
M = Mutual Benefit มีผลป ระโยชน์ร่วมก ัน
W = Willingness ความเต็มใจในการทำ�งานด ้วยความท ุ่มเทเสียส ละ
O = Opportunity ให้โอกาสแสดงค วามส ามารถ
R = Recognition การยอมรับซ ึ่งก ันและกัน การตระหนักในหน้าที่ร ับผิดชอบ
K = Knowledge การใช้ค วามรู้ และแ ลกเปลี่ยนค วามร ู้ในการท ำ�งานร ่วมกัน
ในส ่วนข องความสำ�คัญข องทีมงาน หรือป ระโยชน์ของท ีมง านในสถานศึกษา ได้มีการว ิจัยเกี่ยวก ับ
เรื่องนี้ไว้โดย เสรี ลาชโรจน์ (2531: 125-127) ศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาบุคลากรว่าน่าจะทำ�ให้เกิดการ
เปลีย่ นแปลงพ ฤตกิ รรมก ารท �ำ งานเปน็ ท มี ข องบ คุ ลากรในส ถานศ กึ ษาอ ยา่ งถ าวร เพราะน อกจากส มาชกิ แ ตล่ ะ
คนจะได้รับการพัฒนาแล้ว ระบบงานที่ดีจะถูกนำ�มาใช้จนทุกคนเกิดความเคยชินฝังเป็นนิสัยติดตัวสืบไป
ผู้บริหารสถานศึกษาส ามารถเริ่มส ร้างท ีม ทำ�งานจ ากทีมง านย่อยๆ หลายๆ ทีม แล้วจ ึงข ยายเป็นทีมใหญ่ ซึ่ง
ในโรงเรียนม ัธยมศึกษาน ั้น ลักษณะง านจ ะถ ูกแ บ่งอ อกเป็นส ่วนๆ จึงง ่ายต ่อก ารจ ัดท ีมง านย ่อยๆ อยูแ่ ล้ว เช่น
งานวิชาการ งานทะเบียน งานแนะแนว เป็นต้น ในการท ำ�งานลักษณะทีมน ี้เป็นเป้าห มายร ่วม คือ การร่วมกัน
รับค วามภ าคภ ูมิใจในผ ลส ำ�เร็จของง านท ี่เกิดข ึ้น และเมื่อค นเกิดค วามเคยชินกับก ารท ำ�งานในท ีมย่อยๆ แล้ว