Page 36 - การพัฒนาทักษะและประสบการณ์วิชาชีพ สำหรับผู้นำทางการศึกษา
P. 36

4-26 การพัฒนาทักษะและประสบการณ์วิชาชีพสำ�หรับผู้นำ�ทางการศึกษา

       ดัง​นั้น​ผู้​บริหาร​จึง​ต้อง​พัฒนา​ทักษะ​มนุษยสัมพันธ์ ด้วย​ความ​มุ่ง​มั่น​ตั้งใจ โดย​มี​การ​ประเมิน​
ตนเองปรับปรุง​แก้ไขจ​ ุด​อ่อนข​องต​ นเอง​อย่างต​ ่อเ​นื่อง​จน​กลายเ​ป็นน​ ิสัย​ติดตัว

การพ​ ฒั นา​ทกั ษะท​ าง​มนุษยสัมพันธ์

       นงลักษณ์ สุทธิว​ ัฒนพ​ ันธ์ (2545: 45) ได้เ​สนอว​ ่าผ​ ู้​บริหาร​ต้อง​พัฒนาท​ ักษะ​ทางม​ นุษยสัมพันธ์​ด้วย​
หลัก 6 ประการ คือ

       1.	 การร​ ู้จักค​ วบคุม​ตนเอง​ให้เ​ป็น​คน​ดี มี​คุณธรรม​จริยธรรม​อยู่​เสมอ ก็จ​ ะ​เป็นท​ ี่ย​ อมรับ​นับถือ​ของ​
คนท​ ั่วไป

       2. 	 เป็นค​ น​ที่​มีจ​ ิตใจ​เปิดก​ ว้าง รับฟ​ ังค​ วาม​คิดเ​ห็นข​ องค​ น​อื่น
       3. 	 มค​ี วามซ​ ือ่ สตั ยต​์ อ่ บ​ คุ คลร​ อบข​ า้ งท​ รี​่ ว่ มป​ ฏสิ มั พนั ธด​์ ว้ ย พดู จ​ รงิ ท�ำ ​จรงิ เ​ปน็ ท​ ยี​่ อมรบั น​ บั ถอื อยาก​
คบหาส​ มาคม​ด้วย
       4. 	 เป็นค​ นอ​ ่อนน้อม ถ่อมต​ น มีก​ ริยา​มารยาทท​ ี่​ดี
       5. 	 มีจ​ ิตใจ​ดี เมตตา​กรุณา พร้อมใ​ห้ค​ วามร​ ่วม​มือ​กับ​บุคคลอ​ ื่น​อยู่​เสมอ
       6. 	 เป็นค​ น​ที่ร​ ู้จักถ​ นอม​นํ้าใจ​คน​อื่น เอาใจ​เขาม​ าใ​ส่ใจเ​รา
       นอกจาก​นี้​ยัง​มี​นัก​วิชาการ​ได้​เสนอ​แนะ​วิธี​การ​สร้าง​มนุษยสัมพันธ์ใ​ น​องค์การ​ตลอด​จน​เทคนิค​การ​
สร้าง​ทักษะ​มนุษยสัมพันธ์ไ​ว้ พอส​ รุป​ได้ ดังนี้
       รเ​ิ รอื งร​ อง รตั นว​ ไิ ลส​ กลุ (2540 ) ไดก​้ ลา่ วถ​ งึ ว​ ธิ ก​ี ารส​ รา้ งม​ นษุ ยสมั พนั ธใ​์ นอ​ งคก์ าร ซึง่ ผ​ บู​้ รหิ ารอ​ งคก์ าร
รวมถ​ ึง​ผู้​บริหาร​สถานศ​ ึกษาด​ ้วย​นั้น จะต​ ้องค​ ำ�นึงถ​ ึงแ​ ละ​นำ�​สู่​การป​ ฏิบัติ ได้แก่
       1.	 ตอ้ งศ​ กึ ษา ทำ�ความ​เข้าใจใ​น​เป้า​หมาย​ของอ​ งค์การ​อย่างถ​ ูกต​ ้อง เพราะก​ ารเ​ข้าใจ​เป้า​หมายข​ อง​
องค์การ​จะ​ช่วยใ​ห้​ความ​สัมพันธ์ใ​น​องค์การเ​ป็น​ไปด​ ้วย​ความร​ าบร​ ื่น
       2.	 ต้อง​รู้จัก​ตนเอง​อย่าง​ถ่องแท้ กล่าว​คือ​ต้อง​สามารถ​มอง​เห็น​ตัว​เอง​ได้​ว่า​เป็น​อย่างไร และ​คน​อื่น​
มอง​เห็น​เรา​เป็น​อย่างไร เพราะ​คน​อื่น​เปรียบ​เสมือน​กระจก​ที่​ส่อง​ให้​เรา​ได้​รู้จัก​ตัว​เอง​มาก​ขึ้น จึง​ควร​เปิด​ใจ​
ให้​กว้าง และ​หมั่น​ที่จ​ ะเ​ปิด​ใจต​ นเอง​ให้​กว้างข​ ึ้น​อยู่เ​สมอ​ด้วย อีก​ทั้งพ​ ร้อม​ที่จ​ ะร​ ับ​ฟังค​ วาม​คิด​เห็นข​ องค​ น​อื่น
เพื่อท​ ี่จ​ ะไ​ด้น​ ำ�​ความ​คิด​เห็นเ​หล่า​นั้น​ปรับปรุงต​ นเอง​ให้ด​ ี​ยิ่ง​ขึ้น
       3.	 ต้อง​มี​ความ​ทะเยอทะยาน   แต่​ก็​ไม่​ควร​มี​มาก​จน​เกิน​ไป เพราะ​ถ้า​มี​มาก​เกิน​ไป​จะ​เป็นการ​ตั้ง​
ความห​ วงั ใ​นส​ ิง่ ห​ นึง่ ส​ ิง่ ใ​ดส​ งู เ​กนิ ไ​ป ซึง่ ถ​ า้ ไ​มป​่ ระสบผ​ ลใ​นส​ ิง่ น​ ัน้ ก​ จ​็ ะเ​กดิ เ​จตคตท​ิ ไี​่ มด​่ ต​ี อ่ อ​ งคก์ ารแ​ ละผ​ รู​้ ว่ มง​ าน
แต่​ถ้า​ไม่มี​ความ​ทะเยอทะยาน​จะ​ทำ�ให้​ไม่​ก้าวหน้า​ใน​ทุกๆ ด้าน และ​จะ​ไม่​สร้าง​ความ​เจริญ​ให้​แก่​องค์การ
อีก​ทั้งย​ ังจ​ ะ​ขาดค​ วาม​คิดร​ ิเริ่มส​ ร้างสรรค์​และจ​ ะเ​ป็น​ตัว​ถ่วงค​ วามเ​จริญ​ของผ​ ู้​อื่น​อีกด​ ้วย
       4.	 ต้อง​มี​การ​สร้าง​และ​พัฒนา​นิสัย​ตนเอง การ​มี​นิสัย​ที่​ดี​สำ�คัญ​ไม่​น้อย​ไป​กว่า​การ​มี​รูป​ร่าง​หน้าตา​
ดี เพราะ​การ​มีน​ ิสัยท​ ี่ด​ ีก​ ็เ​ป็นเ​สน่ห์​อย่างห​ นึ่งใ​นต​ ัว​บุคคล สำ�หรับว​ ิธีก​ ารส​ ร้างแ​ ละ​การ​พัฒนาน​ ิสัย​ตนเอง อาจ​
ทำ�ได้ด​ ังนี้

            4.1 อย่า​พูด​ถึง​แต่​เรื่อง​ของ​ตนเอง​หรือ​นึกถึง​ตนเอง​มาก​เกิน​ไป กล่าว​คือ​ไม่​พูด​ถึง​ความ​ยาก​
ลำ�บาก​ของ​ตนเอง​และ​ควร​หลีก​เลี่ยง​การ​บ่น ไม่​ควร​พูด​ถึง​ความ​ดี​ของ​ตนเอง​หรือ​ยก​ตนเอง จน​ทำ�ให้​คน​ฟัง​
เกิดค​ วามเ​บื่อ​หน่าย​รำ�คาญ
   31   32   33   34   35   36   37   38   39   40   41