Page 26 - ศิลปะกับสังคมไทย
P. 26
8-16 ศลิ ปะกบั สังคมไทย
นอกจากการใช้อุปลักษณ์ในการเปรียบเทียบตามท่ีแสดงข้างต้นแล้ว กวีในสมัยอยุธยา
ตอนต้นก็มักใช้อุปลักษณ์ในการเปรียบเทียบผลงานวรรณกรรมของตนกับสิ่งของที่มีความสวยงามต่างๆ
ดงั เช่นท่ีปรากฏในโคลงยวนพา่ ยวา่
สารสยามภาคพร้อง กลกานท นฤี้ า
คือค่มู าลาสวรรค์ ช่อชอ้ ย
เบญญาพิศาลแสดง เดอมเกียรติ พระฤา
คือคไู่ หมแสง้ รอ้ ย กงึ่ กลางฯ
เป็นสรอ้ ยโสภิศพน้ อปุ รมา
โสรมโสดาศิรธรางค์ เวยี ไว้
จงคงค่กู ลั ปา ยนื โยค
หายแผ่นดินฟ้าไหม้ อยา่ หายฯ
(ลลิ ิตยวนพา่ ย. 2540: 344-345)
กวีได้เปรียบเทียบผลงานวรรณกรรมของตนว่ามีความไพเราะสวยงาม เสมอกับ “มาลา
สวรรค”์ หรอื พวงมาลยั แหง่ สรวงสวรรคท์ รี่ อ้ ยจากไหมอยา่ งประณตี หรอื เสมอดว้ ยสรอ้ ยประดบั ทเี่ รยี งรอ้ ย
เป็นอย่างดี ซึ่งเปน็ การให้ภาพวา่ วรรณกรรมของตนนั้นมีคุณคา่ ความงามเปน็ อยา่ งมากจนอาจเทยี บดว้ ย
สง่ิ ของอนั เลอค่ายงิ่
นอกจากการเปรยี บเทียบวา่ สง่ิ หนึง่ เท่ากบั อีกสง่ิ หนึ่ง โดยใชค้ �ำ ว่า “คือ” และ “เปน็ ” แลว้
ในวรรณกรรมไทยยังปรากฏลักษณะของอุปลักษณ์อีกประการหนึ่ง คือ การนำ�สิ่งๆ หนึ่งมาใช้แทนหรือ
เรียกแทนส่ิงที่กวีต้องการเปรียบเทียบ ลักษณะดังกล่าวมีปรากฏในวรรณกรรมหลายเร่ือง เช่น ในเสภา
เรื่องขุนชา้ งขุนแผนท่กี ล่าวว่า
เมื่อแรกเชอ่ื ว่าเน้ือทบั ทมิ แท ้ มาแปรเปน็ พลอยหงุ ไปเสียได้
กาลวงว่าหงสใ์ ห้ปลงใจ ดว้ ยมไิ ด้ดูหงอนแต่กอ่ นมา
(ขนุ ชา้ งขุนแผน. 2544: 261)
จากบทประพันธ์ข้างต้นเป็นตอนท่ีขุนแผนกล่าวบริภาษนางวันทอง ว่าตอนแรกตนเองคิด
วา่ นางวนั ทองเหมอื นกับ “ทับทิมแท้” อนั มคี ่า แตต่ อนนีน้ างวนั ทองเปน็ เหมอื น “พลอยหุง” อันไรร้ าคา
หรอื แต่ก่อนน้นั เคยคิดวา่ นางวนั ทองเปน็ “หงส”์ อนั สงู ส่ง แตบ่ ัดนี้เปน็ เหมอื น “กา” อนั ต่าํ ต้อย จะเห็น
ไดว้ า่ การใชอ้ ุปลักษณข์ า้ งต้นสามารถทำ�ใหผ้ ูอ้ า่ นเกิดจนิ ตภาพจากการเปรียบเทียบของกวีไดเ้ ปน็ อยา่ งดี
กล่าวโดยสรุปแล้ว อุปลักษณ์เป็นวิธีการหน่ึงท่ีกวีใช้ในการเปรียบเทียบสิ่งต่างๆ ท่ีกวี
ต้องการ คล้ายกับการอุปมา แต่การอุปลักษณ์จะให้น้ําหนักท่ีหนักแน่นกว่า เพราะเป็นการกำ�หนดให้
สงิ่ หนง่ึ มคี า่ เทา่ กบั อีกส่ิงหน่งึ เปน็ การสรา้ งจนิ ตภาพใหผ้ ูอ้ า่ นผู้ฟงั ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี