Page 67 - ศิลปะกับสังคมไทย
P. 67
วรรณกรรมกบั สงั คมไทย 8-57
สามคนไปมอบใหแ้ กก่ องทพั ฝา่ ยนางละเวงไดส้ �ำ เรจ็ การสะกดดว้ ยคาถาอาคมเชน่ นี้ นบั ไดว้ า่ เปน็ สงิ่ ทชี่ ว่ ย
ให้วรรณกรรมมีความน่าสนใจมากขึ้น
3.2 การเสกเป่า คือ การเสกเวทมนตร์คาถาเพื่อทำ�ให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์และให้เกิดพลังอำ�นาจ
ต่างๆ ขนึ้ เชน่ การปอ้ งกนั ส่งิ ช่ัวรา้ ยหรอื การปอ้ งกนั ตวั ในเรอื่ งขนุ ช้างขุนแผนมกี ารกลา่ วถงึ การเสกเปา่
หลายตอน เชน่ ในตอนก�ำ เนิดขนุ ช้างได้มีการเสกข้าวสารแล้วน�ำ ไปโปรยรอบบริเวณบา้ น ดงั ที่กลา่ วว่า
บา้ งกเ็ สกมงคลปรายข้าวสาร เอาเบี้ยบนลนลานเหนบ็ ฝาเกล่ือน
บา้ งเรง่ หมอตำ�แยอย่าแชเชือน ขม่ ทอ้ งรอ้ งเตอื นลูกขวางตวั
(ขุนช้างขุนแผน เลม่ 1. 2515: 152)
จากค�ำ ประพนั ธข์ า้ งตน้ ท�ำ ใหเ้ หน็ วา่ การคลอดบตุ รของคนไทยในสมยั กอ่ นจะนยิ มเสกขา้ วสารแลว้
นำ�ไปโปรยรอบบ้านเพื่อขับไล่และป้องกันสิ่งชั่วร้ายต่างๆ มิให้เข้ามารังควานมารดาและทารกท่ีกำ�ลังจะ
เกิด ทั้งน้ี เน่อื งจากการคลอดบุตรในสมยั ท่ีวิทยาการทางการแพทยย์ งั ไมก่ า้ วหนา้ อตั ราการเสยี ชวี ิตของ
มารดาและทารกมีสงู ท�ำ ใหเ้ ชอ่ื กันวา่ เกิดจากผแี ละส่งิ ชัว่ รา้ ยตา่ งๆ จงึ ต้องขับไลส่ ง่ิ ช่ัวรา้ ยเหล่านน้ั ออกไป
ดว้ ยการเสกขา้ วสารมงคล ปจั จบุ นั ความเชอ่ื ดงั กลา่ วแทบจะไมม่ ปี รากฏใหเ้ หน็ แลว้ ในสงั คมไทย เนอื่ งจาก
การท�ำ คลอดในปจั จบุ นั อาศยั วทิ ยาการทางการแพทยท์ ท่ี นั สมยั มากขน้ึ ท�ำ ใหอ้ ตั ราการเสยี ชวี ติ ของมารดา
และทารกเกดิ ใหม่มีลดลง ความเชอื่ เรือ่ งสิ่งชวั่ ร้ายท่มี ารังควานการคลอดบตุ รจงึ เลือนหายไปจากสงั คม
3.3 การทำ�เสน่ห์ เป็นพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ท่ีส่งผลไปบังคับจิตใจของผู้อ่ืนให้รักหรือหลงใหล
จนถึงข้ันคลุ้มคลั่งเสียสติ หากผู้ใดถูกทำ�เสน่ห์แล้วก็จะต้องทำ�การแก้ไขด้วยวิธีทางไสยเวทเช่นกัน
วรรณกรรมไทยหลายเรอ่ื งปรากฏการทำ�เสนห่ ์ เชน่ การท�ำ เสนห่ ข์ องพระเพอ่ื นพระแพงใหพ้ ระลอหลงใหล
ในเรอ่ื งลลิ ติ พระลอ การท�ำ เสนห่ ข์ องตวั ละครหญงิ ฝา่ ยลงั กาใหต้ วั ละครฝา่ ยพระหลงใหล ในเรอื่ งพระอภยั มณี
และการทำ�เสน่ห์ของนางสร้อยฟ้าให้พลายงามหลงใหล ในเร่ืองขุนช้างขุนแผน เป็นต้น ในเรื่องขุนช้าง
ขนุ แผน นางสร้อยฟา้ ได้ขอใหเ้ ถนขวาดทำ�เสน่หใ์ หแ้ กต่ น ซึ่งมีการบรรยายถงึ ข้นั ตอนการท�ำ เสน่หน์ น้ั วา่
คราน้นั เถนขวาดราชคร ู พเิ คราะห์ดปู รีดิเ์ ปรมเกษมสานต์
หยิบขี้ผ้ึงปากผมี ามนิ าน เอาเถา้ พรายมาประสานประสมพลัน
ลงอักษรเสกซอ้ มแลว้ ย้อมถม เป่าด้วยอาคมแลว้ จงึ ปนั้
เปน็ สองรูปวางเรยี งไว้เคียงกัน ชักยนั ต์ลงชอ่ื ศรีมาลา
อกี รปู หนง่ึ ลงชือ่ คอื พระไวย เอาหลังตดิ กันไวใ้ หห้ ่างหน้า
ปกั หนามแทงตัวทวั่ กายา แลว้ ผูกตราสังม่นั ขยนั ไว้
ซํา้ ลงยันต์พนั ด้วยใบเตา่ รง้ั ใหเ้ ณรจ๋ิวไปฝงั ป่าช้าใหญ่
แล้วป้ันรูปสรอ้ ยฟ้ากับพระไวย เอาใบรักซ้อนใสก่ บั เลขยันต์
เถนนั่งบรกิ รรมแลว้ ซา้ํ เปา่ พอตอ้ งสองรปู เข้าก็พลิกผนั
หนั หน้าควา้ กอดกนั พัลวัน เอาสายสญิ จนเ์ ข้ากระสนั ไวต้ รึงตรา