Page 31 - การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ภาษาอังกฤษ
P. 31
การประยุกต์ใช้ผลการวิจัยด้านการเรียนรู้ภาษา การเรียนรู้ภาษาท่ีสอง ในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ 2-21
วิธีการสอนที่เน้นการฝึกกระสวนภาษา วิธีการสอนท่ีเน้นการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร วิธีการสอนที่เน้นงาน
และกิจกรรมเป็นหลัก วิธีการสอนที่เน้นเร่ืองของสมองเป็นหลัก และวิธีการสอนท่ีเน้นความส�ำคัญของบริบท
ในการก�ำหนดข้ันตอนการสอน ก่อนท่ีผู้เขียนจะกล่าวถึงแต่ละวิธีดังกล่าวข้างต้นตามล�ำดับนั้น จ�ำเป็นต้อง
อธบิ ายถงึ ความแตกตา่ งระหวา่ งค�ำวา่ approach และคำ� วา่ method ซ่ึง Jack C. Richards และ Theodore
S. Rodgers (2001) อธบิ ายวา่ มขี อบเขตทแ่ี ตกตา่ งกนั กลา่ วคอื approach นน้ั หมายถงึ สมมตฐิ านและทฤษฎี
เก่ียวกับองค์ประกอบต่าง ๆ ของกระบวนการการเรียนการสอนภาษา เช่น ทฤษฎีหรือสมมติฐานที่เก่ียวกับ
ภาษา บทบาทของครูและผู้เรียน บทบาทของต�ำราและสื่อการสอนเป็นต้น การที่ approach จะน�ำไปสู่
method ได้น้ันก็ต้องผ่านกระบวนการการออกแบบรูปแบบการสอน (design) จากค�ำนิยามโดยสรุปน้ีจะ
เห็นได้ว่า approach น้ันจะเป็นกรอบหรือแนวทางในการปฏิบัติ อย่างเช่น วิธีการสอนที่เน้นการสื่อสารนั้น
จะถือเป็น approach เพราะเป็นวิธีการที่ก�ำหนดกรอบหรือแนวทางปฏิบัติไว้กว้าง ๆ เช่น การสอนภาษา
อังกฤษควรเน้นทั้งรูปแบบไวยากรณ์และบริบทที่จะน�ำไวยากรณ์น้ันไปใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม เพราะ
ฉะน้ันการสอนจึงไม่ถูกจ�ำกัดอยู่แต่เพียงความถูกต้องของไวยากรณ์ตามท่ีระบุไว้ในหนังสือไวยากรณ์ แต่จะ
ค�ำนึงถึงความหมายท่ีไวยากรณ์นั้น ๆ ต้องการสื่อด้วย ในขณะเดียวกันวิธีการสอนแบบไวยากรณ์และการ
แปลจะถือเป็น method ไม่ใช่ approach เพราะผู้สอนจะต้องด�ำเนินการสอนตามข้ันตอนท่ีวิธีการสอนนี้
ระบุไว้อย่างชัดเจน ซ่ึงผู้เขียนจะได้กล่าวถึงวิธีการน้ีในล�ำดับต่อไป
1. วิธีการสอนท่ีเน้นไวยากรณ์และการแปล (Grammar-Translation Method) ความเชื่อและ
ความเข้าใจว่าการเรียนภาษาคือการเรียนรู้โครงสร้างของภาษาน้ัน ๆ เป็นท่ีมาของวิธีการสอนท่ีเน้นไวยากรณ์
และการแปลน้ี กล่าวคือ การสอนภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างประเทศอ่ืน ๆ ตั้งแต่สมัยแรก ๆ จนถึงประมาณ
ช่วงปี 2500 เศษ น้ันวิธีการสอนคือน�ำเอาประเด็นไวยากรณ์มาน�ำเสนอโดยไม่ค�ำนึงถึงบริบทการใช้จริงเท่าท่ี
ควร เช่น การสอนเรื่องโครงสร้างกริยาในกาลต่าง ๆ ก็จะเร่ิมด้วย present simple tense จากน้ันก็ตาม
ด้วย past simple tense ไปตามล�ำดับ ทั้งนี้ตัวอย่างประโยคท่ีครูใช้สอนก็จะเป็นประโยคท่ีเน้นความ
ถูกต้องของโครงสร้างไวยากรณ์โดยอาจไม่มีความเหมาะสมในการใช้ภาษาตามสภาพการณ์จริงก็ได้ เช่น เม่ือ
ครูต้องการทราบว่านักเรียนเข้าใจการใช้กริยาช่วย can หรือไม่ ก็จะตั้งค�ำถามว่า “Can a dog fly?” ซ่ึงเมื่อ
วิเคราะห์ประโยคนี้ไปทีละตัว ก็จะเห็นว่าถูกไวยากรณ์แต่เม่ือพิจารณาในเชิงความหมายท่ีสมจริงแล้ว จะเห็น
ได้ว่าไม่น่าจะมีผู้รู้ภาษาอังกฤษดีไม่ว่าจะเป็นเจ้าของภาษาหรือไม่ก็ตาม จะตั้งค�ำถามในลักษณะนี้
นอกไปจากการฝึกโครงสร้างประโยคและไวยากรณ์ปลีกย่อยไปทีละประเด็นแล้ว การสอนแบบนี้
ยังคงเน้นเรื่องการแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยหรือจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งพิจารณาดูแล้ว
น่าจะท�ำให้ผู้เรียนมีโอกาสได้ใช้ภาษาท่ีสอดคล้องกับความจริงมากข้ึน อย่างไรก็ตามแบบฝึกหัดและตัวอย่าง
ประโยคที่น�ำมาแปลน้ันยังคงเน้นประโยคเดี่ยว ๆ ที่ไม่จ�ำเป็นต้องมีบริบทในการใช้ภาษาจริง จากนั้นก็มีการ
ให้ผู้เรียนท่องค�ำศัพท์โดยไม่มีบริบทของการใช้ให้เห็น คือท่องศัพท์เดี่ยว ๆ และมีการทดสอบโดยการเขียน
ตามค�ำบอกของครู เป็นต้น ส่ิงน้ีเองที่เป็นจุดอ่อนท�ำให้ผู้เช่ียวชาญเรื่องการสอนภาษาต่างประเทศน�ำมาโจมตี
ว่าการเรียนการสอนภาษาอังกฤษนั้น มีวัตถุประสงค์เพียงเพ่ือฝึกไวยากรณ์และละเลยการใช้ภาษาในบริบท
ทางสังคมและวัฒนธรรม