Page 34 - การวิจัยทางนิเทศศาสตร์
P. 34
3-24 การว ิจัยท างน ิเทศศาสตร์
ค่าส ัมประสิทธิ์อยู่ร ะหว่าง 0 และ 1
คา่ 0 หมายความว า่ ไมม่ คี วามส อดคลอ้ งร ะหวา่ งก ลุม่ (no agreement) คา่ 1 หมายความว า่ มคี วามส อดคลอ้ ง
กันทั้งหมด (total agreement)
การทดสอบสมมติฐานทางสถิติใช้การทดสอบรัน หรือ วอลด์-โวล์โฟวิตซ์ (the runs test, or the
Wald-Wolfowitz) และการทดสอบซายน์ (Sign test) เพื่อทดสอบทิศทางของความแตกต่างระหว่างคู่ของข้อมูล
(a significant difference between matched pairs of data) โดยไม่ทดสอบป ริมาณค วามแ ตกต ่าง ตามลักษณะ
การวัดแ บบเรียงล ำ�ดับ
3. การว ดั แ บบอนั ตรภาค
การว ัดแ บบอันตรภาค เรียกได้หลายแบบ เช่น แบบช่วงช ั้น แบบช ่วง หรือร ะดับช่วงช ั้น
มาตรว ัดน ี้มีคุณสมบัติท ี่ร ะยะห ่างระหว่างแ ต่ละก ลุ่มมีความห มาย เช่น ระยะห ่างระหว่างช ่องแ ต่ละช ่องของ
อุณหภูมิม ีค่าเท่าก ัน ระยะห ่างระหว่างค ่าจึงแ ปลค วามได้ และส ามารถหาค ่าเฉลี่ยอย่างม ีความหมาย แต่ต ัวเลขในการ
วัดร ะดับนี้ไม่ได้ม ีค่าในเชิงอ ัตราส่วน เช่น 40 องศาเซลเซียส ไม่ได้ม ีความร้อนมากเป็นสองเท่าของ 20 องศาเซลเซียส
เป็นต้น
การวัดแบบอันตรภาคคล้ายการวัดแบบเรียงลำ�ดับโดยมีค่าของความต่อเนื่อง ศูนย์จะไม่ใช่ศูนย์แท้
(no absolute zero) มาตรนี้ใช้วัดรายละเอียดของลักษณะที่แตกต่างกันของตัวแปรได้เป็นค่าตัวเลข ระยะระหว่าง
ชั้นที่ติดก ันมีค ่าเท่ากัน เช่น 0 ถึง 1 เท่ากับ 1 ถึง 2 และเท่ากับ 2 ถึง 3 เป็นต้น ตัวเลขนั้นสามารถน ำ�มาคำ�นวณทาง
คณิตศาสตร์ แต่ไม่สามารถบอกค่าที่แท้จริงได้ เนื่องจากเกณฑ์ของมาตรวัดไม่มีศูนย์สมบูรณ์ แต่เป็นศูนย์สมมติ
ซึ่งส มมติข ึ้นห รือกำ�หนดข ึ้นเป็นก รณี ๆ เช่น ตัวแปรอุณหภูมิ แบ่งระดับช ่วงเป็น 0 ถึง 10, 11 ถึง 20, 21 ถึง 30 องศา
เป็นต้น โดยศ ูนย์องศาไม่ได้ห มายถึงไม่มีอุณหภูมิ
มาตรน ี้ใช้ว ัดช่วงที่เท่ากัน (equal intervals) แต่จ ุดศ ูนย์ห รือจุดเริ่มต้น (เช่น 32 องศาฟาเรนไฮต์) เป็นค่า
เชิงสัมพัทธ์ การวิเคราะห์ในก ารว ัดร ะดับนี้สามารถใช้เทคนิคข องการว ัดส องแ บบแ รก คือ แบบน ามบัญญัติและแบบ
เรียงลำ�ดับ รวมทั้งก ารก ำ�หนดค่าฐานนิยม ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนม าตรฐาน ความแปรปรวน ค่าส หส ัมพันธ์ และส ถิติ
แบบพาราเมตริก รวมท ั้งค่าที (the t-test) ค่าเอฟ (the F test) และค ่าส หสัมพันธ์ (the Product moment correla-
tion)
การว ดั ร ะดบั น อี้ นโุ ลมใหใ้ ชค้ า่ เฉลีย่ ท างค ณติ ศาสตรไ์ ด้ ความแ ตกต า่ งร ะหวา่ งช ว่ งม คี วามเทา่ ก นั (equal units
of measurement) จึงส ามารถแ ปลค วามแ ตกต ่างร ะหว่างช ่วงได้อ ย่างม ีค วามห มาย แต่ค ่าศ ูนย์ในก ารว ัดร ะดับน ี้ไม่ใช่
ศูนย์ส มบูรณ์ (arbitrary and not a true zero)
ค่าตัวเลขในมาตรวัดนี้สามารถใช้การบวกหรือลบได้ แต่ไม่สามารถคูณหรือหารได้ ผู้เลือกตอบช่วงที่ 1 มี
ความต ่างจ ากช ่วงท ี่ 2 เท่ากับช่วงที่ 2 ถึงช ่วงที่ 3 แต่ ผู้ต อบช ่วงท ี่ 1 ไม่ได้มีความต่างเป็น 2 เท่า ของช ่วงท ี่ 2 ทั้งนี้ก าร
ให้ค ่าก ารวัดอ าจใช้ตัวเลขห รือใช้คำ�บรรยาย
การวัดเชิงปริมาณ เช่น การสำ�รวจ การทดสอบ การใช้สเกล อาจวัดลักษณะเชิงเทคนิค หรือลักษณะ
ทางจิตวิทยา (psychometric properties) ที่สามารถวัดในเชิงปริมาณ และน ิยมใช้มาตรวัดแบบอันตรภาค
การวิเคราะห์ข ้อมูลใช้ระดบั อ ันตรภาค
มาตรวัดแบบแยกแยะความแตกต่าง (Semantic scale) เป็นมาตรวัดที่ใช้คำ�หรือข้อความเพื่อบรรยาย
คุณลักษณะม ากกว่าใชต้ ัวเลข ผูต้ อบจ ะบ รรยายค วามร ู้สึกข องเขาเกี่ยวก ับผ ลิตภัณฑห์ รือย ี่ห้อบ นม าตรว ัดท ีร่ ะบคุ วาม
แตกต ่าง โดยใช้คำ�คุณศัพท์คู่ตรงข ้ามท ี่ปลายทั้งส องของมาตรวัด (Semantic Differential Scale)8