Page 20 - ไทยในเศรษฐกิจโลก
P. 20

3-10 ไทยในเศรษฐกิจโลก
       ส�ำหรับแนวนโยบายทางเศรษฐกจิ ท่สี ำ� คัญของพวกพาณชิ ย์นิยม กค็ ือ การสนับสนนุ การสง่ ออก

และจำ� กดั การนำ� เขา้ เพอื่ สรา้ งใหเ้ กดิ สว่ นเกนิ ทางการคา้ (Trade Surplus) ซงึ่ เชอื่ กนั วา่ จะนำ� มาซงึ่ ความมง่ั คง่ั
และอำ� นาจ แตค่ วามพยายามในการสรา้ งสว่ นเกนิ ทางการคา้ นนั้ ขน้ึ กบั ความเขม้ แขง็ ทางดา้ นการเมอื งและ
การทหารของรฐั ชาติ ดงั นน้ั วงจรของความรงุ่ เรอื งของรฐั กค็ อื อำ� นาจทางการเมอื งและการทหารนำ� มาซ่ึง
ความมั่งค่ัง และความม่ังค่ังท่ีมากขึ้นก็น�ำมาซึ่งอ�ำนาจทางการเมืองและการทหารที่เพิ่มขึ้น เป็นวงจร
สนับสนนุ สบื เนอ่ื งกนั ไป ด้วยเหตนุ ้รี ัฐชาติทีม่ เี ข้มแขง็ ทางการเมืองและการทหารจึงเป็นรฐั ชาตทิ ม่ี ง่ั ค่ังทาง
เศรษฐกจิ ไปพรอ้ มๆ กันด้วย

       แนวคดิ พาณชิ ยน์ ยิ มแบง่ พฒั นาการออกเปน็ 2 ชว่ ง คอื แนวคดิ พาณชิ ยน์ ยิ มคลาสสกิ (Classical
Mercantilism) ซึ่งเป็นแนวคิดในช่วงแรก และแนวคิดพาณิชย์นิยมใหม่ (Neo-Mecantilism) ซึ่งเป็น
แนวคิดในชว่ งหลัง

       1.1		แนวคิดพาณิชย์นิยมคลาสสิก เป็นแนวคิดในช่วงระหว่างคริสต์ศตวรรษท่ี 15-18 โดยเน้น
การส่งออกสินค้าในปริมาณมากและน�ำเขา้ สนิ ค้าในปรมิ าณนอ้ ย แนวคดิ เชน่ นี้เปน็ ไปได้ภายในบริบทของ
การขยายตัวทางการค้าท่ีเพ่ิมมากข้ึนในยุคต้น แต่ต่อมาการด�ำเนินนโยบายตามแนวคิดน้ีก็น�ำมาซึ่ง
ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างรัฐชาติ เนื่องจากการเพ่ิมขึ้นของผลประโยชน์หรืออ�ำนาจของรัฐใด
รัฐหน่งึ เปรยี บเสมือนภัยคกุ คามแกร่ ัฐอื่นๆ ในฐานะท่ีทำ� ให้รฐั อ่ืนๆ สูญเสียผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและ
อ�ำนาจทางการเมืองการทหาร

       นอกจากนี้ แนวคิดพาณิชย์นิยมยังเป็นแนวคิดท่ีค�ำนึงถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของรัฐใด
รัฐหนึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับรัฐอื่นๆ กล่าวคือ รัฐใดรัฐหน่ึงจะต้องมีอ�ำนาจทางเศรษฐกิจเหนือกว่าเมื่อ
เปรียบเทียบกับรัฐอื่นในระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งนี้อ�ำนาจและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
ของรัฐแยกไม่ขาดจากอ�ำนาจและผลประโยชน์ในทางการเมือง แนวคิดพาณิชย์นิยมจึงมีมิติของชาตินิยม
ทางเศรษฐกจิ (Economic Nationalism) กลา่ วคอื ผลประโยชนท์ างเศรษฐกจิ ของรฐั อยเู่ หนอื ผลประโยชน์
ทางเศรษฐกิจส่วนบุคคล การแสวงหาอาณานิคม (Colonialism) เป็นเคร่ืองมือส�ำคัญท่ีสะท้อนถึง
ความพยายามของพวกพาณิชย์นิยมในการควบคุมการได้เปรียบทางด้านการค้า ได้แก่ การส่งออกมาก
และการน�ำเข้าน้อย ซ่ึงจะส่งผลให้ประเทศท่ีเป็นเจ้าอาณานิคมได้เปรียบดุลการค้ากับประเทศอาณานิคม
เน่ืองจากประเทศอาณานิคมเป็นทั้งตลาดรองรับสินค้าและแหล่งวัตถุดิบราคาถูกให้กับประเทศเมืองแม่
นโยบายของพวกพาณิชย์นิยมอยู่ในลักษณะที่มีกฎระเบียบที่เข้มงวดต่อการน�ำเข้าสินค้า ในขณะที่ให้
การสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือแก่การส่งออกรวมถึงการสนับสนุนให้เกิดการล่าอาณานิคมเพ่ิมเติม
อย่างไรก็ตาม นโยบายต่างๆ เหล่านี้ของพวกพาณิชย์นิยมไม่ได้เป็นเป้าหมายในตัวของมันเองแต่เป็น
เคร่ืองมือที่จะน�ำมาซ่ึงเป้าหมายอื่นๆ อันได้แก่ ความม่ังค่ัง อ�ำนาจทางการเมือง และความมั่นคงของ
ประเทศ

       1.2		แนวคิดพาณิชย์นิยมใหม่ พัฒนาขึ้นหลังสงครามโลกคร้ังที่ 2 โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลัง
การลม่ สลายลงของคา่ ยสงั คมนยิ มใน ค.ศ. 1989 ทำ� ใหม้ กี ารขนึ้ ตอ่ กนั และกนั ทางเศรษฐกจิ ระหวา่ งประเทศ
ทเี่ พม่ิ มากขน้ึ รวมถงึ การดำ� เนนิ งานขององคก์ รระหวา่ งประเทศ เชน่ องคก์ ารการคา้ โลก (WTO) กองทนุ
การเงนิ ระหวา่ งประเทศ (IMF) ธนาคารโลก (World Bank) ซึง่ สนบั สนนุ ให้เกิดการขยายตลาดใหมๆ่
   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24   25