Page 51 - ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร
P. 51
ศลิ ปะการใช้ภาษา ๑๒-41
เร่ืองที่ ๑๒.๓.๒
ศิลปะการใช้ภาษาในระดับกลุ่มค�ำ
การใช้กลุ่มค�ำอย่างมีศิลปะพบน้อยกว่าการใช้ค�ำอย่างมีศิลปะ พบได้ทั้งในงานร้อยแก้วและ
ร้อยกรอง ดังรายละเอยี ดต่อไปน้ี
๑. ในงานร้อยแก้ว การใชภ้ าษาลักษณะนี้มจี ุดประสงค์ ดงั นี้
๑.๑ ใช้เพื่อเน้นย�้ำ เช่น ในเร่อื งสัน้ “อสรพษิ ” ของ แดนอรญั แสงทอง (๒๕๕๗, น. ๒๘)
ใช้กลุม่ ค�ำว่า “เจ้าน่เี อง” เพอื่ เนน้ ยำ้� ว่าก�ำลังกล่าวถึงเด็กชายพิการทม่ี แี ขนข้างหน่ึงลีบเรียว ดงั น้ี
“... เสยี งขฟู่ อดฟอ่ ของมนั ดงั เหมอื นบทเพลงแหง่ ความตาย มนั ไดย้ นิ เสยี งมนษุ ยเ์ ลก็ ๆ
ว่ิงแตกตื่น ส่งเสียงร้องสับสน มันได้ยินเสียงฝูงวัววิ่งตะโพงเต็มก�ำลัง หูกางร่า หางช้ีออก ดวงตา
เหลือกลาน มนุษย์น้อยบัดน้ีเหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวเบื้องหน้ามัน เจ้าน่ีเองท่ีน่ังอยู่บนขอนไม้เหนือ
ปากโพรงของมัน เจ้านี่เองท่ีเป็นต้นก�ำเนิดของเสียงซ่ึงก่อนหน้านี้แผดลั่นไม่หยุดหย่อนเจ้าน่ีเองคือ
เปา้ หมายทีเ่ จา้ งไู ด้คาดหมายไวแ้ ต่แรก เป็นมนุษย์นอ้ ยไม่สมประกอบ แขนขา้ งขวาลบี เรียว...”
๑.๒ ใช้เพ่ือให้เกิดความไพเราะ กลุ่มค�ำดังกล่าวน้ีมีเสียงสัมผัสคล้องจองที่ท�ำให้เกิด
ความไพเราะ เช่น การใช้กล่มุ คำ� ในเร่ืองส้นั เรอ่ื ง “ดวงตาที่สาม” ของแดนอรัญ แสงทอง (๒๕๕๗, น. ๕๘)
ทีม่ ีคำ� คลอ้ งจองหลายค�ำ ดงั ตวั อยา่ ง
“…เขาจะใหเ้ วลาหลอ่ นเพง่ พศิ ดรู ูปพรรณสัณฐานของเขาไดส้ กั เพยี งหนง่ึ นาทเี ทา่ นน้ั
หลงั จากทห่ี ลอ่ นลมื ตาขน้ึ แลว้ หลงั จากนน้ั หลอ่ นกจ็ ะตอ้ งใหค้ ำ� ตอบทช่ี ดั เจนและเฉยี บขาดแกเ่ ขาวา่
หลอ่ นจะตกลงแตง่ งานกบั เขาหรอื ไม่ เขาคนนก้ี ม็ นี ามกรอยแู่ ลว้ วา่ นายตรี ทสั สี นภาอำ� ไพ (เตะ๊ ) เปน็
บตุ รโทนของพลอากาศเอกปานนภ นภาอำ� ไพ อดตี เสอื อากาศผหู้ า้ วหาญแหง่ กองทพั อากาศไทยกบั
คุณหญิงบุหงาส่าหรี นภาอ�ำไพ ซ่ึงก็เป็นที่อบอุ่นใจได้ว่าคุณตีรทัสสีหรือคุณเต๊ะของหล่อนคนนี้เขา
เป็นผู้มีอันจะกิน เขารักหล่อนและหล่อนก็รักเขาโดยไม่กระโตกกระตากและเงี้ยบเงียบมานานครัน
แตเ่ ม่อื สักราวๆ ๒ เดือนมานเ่ี องทีเ่ ขาเพ่ิงมาบอกหล่อนว่า อันตัวเขานั้นความจริงแลว้ เปน็ ชายผู้ซ่ึง
มีเรือนกายพกิ ลพกิ าร หลงั คู้ ไหล่คอ่ ม เตยี้ ต�่ำตะแหมะแคะ ลำ� คอโตตันส้ันกลม รูปโฉมโนมพรรณ
ของเขานน้ั อปั ลกั ษณเ์ กนิ กวา่ ศลั ยกรรมแผนใหมท่ ไ่ี หนจะชว่ ยได้ เขาบอกกลา่ วถงึ ความจรงิ ขอ้ นเี้ กย่ี ว
กบั ตวั เขาดว้ ยนำ�้ เสยี งราบเรยี บ ทงั้ ขอโทษขอโพยหลอ่ นเสยี กา่ ยกอง คา่ ทก่ี ารอมพะนำ� ความลบั เกยี่ ว
กับตัวเขาไว้นั้น อาจส่งผลให้หล่อนฝันหวานเพ้อเจ้อเป็นวักเป็นเวรไปก็เป็นได้ เพราะว่าอติวาสน์
ภควัตนน้ั ก็เป็นสาวแส้แร่รวยผู้อดุ มด้วยความคดิ ฝันตา่ งๆ นานาอยูเ่ ป็นนจิ ...”