Page 52 - ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร
P. 52

๑๒-42 ภาษาไทยเพอื่ การส่ือสาร
            ๑.๓ 	ใช้เพ่ือให้เกิดความสละสลวย กลมุ่ คำ� ดงั กลา่ วนี้ ไดแ้ ก่
                ๑)		 ค�ำสันธานท่ีใช้ค�ำเป็นคู่ในการเช่ือมประโยค ได้แก่ ค�ำ  “เม่ือใด...เมื่อน้ัน” “อย่าง

ใด...อย่างนั้น” “ฉันใด...ฉันนั้น” “ไม่ว่า...หรือ” “ทั้ง...และ...” การใช้ค�ำเหล่านี้ต้องใช้คู่กันเสมอ ใช้เพ่ือ
เน้นยำ�้ ความหมาย เชน่ เกิดขน้ึ ทันทที นั ใด เกดิ ขึน้ ตามสจั ธรรม เกิดข้นึ ตามเหตุผล ดงั ตวั อยา่ ง

         “เขาแพก้ ุง้ มาก กนิ เข้าไปเมื่อใด เปน็ ต้องเกดิ ผ่นื คนั เม่ือนัน้ ”
         “คนเราทำ� กรรมไวอ้ ยา่ งใด กย็ อ่ มได้รบั ผลกรรมอย่างนน้ั ไม่มที างเลีย่ งได้”
         “ลกู ไมย้ อ่ มหลน่ ไมไ่ กลตน้ ฉนั ใด ลกู หลานศลิ ปนิ อยา่ งสมชายกต็ อ้ งเปน็ ฉนั นนั้ ดงั เหน็ ไดว้ า่
  แมเ้ ขาจะไมไ่ ดเ้ รยี นดา้ นศลิ ปะมาเลย แตก่ ฉ็ ายแววความเปน็ ศลิ ปนิ ใหเ้ หน็ หลายครง้ั แลว้ ไมว่ า่ จะเปน็
  รอ้ งลเิ ก ลำ� ตัดหรือเพลงฉอ่ ย หดั ประเดยี๋ วเดยี วก็ทำ� ไดด้ ี ไม่มีเสยี ชอ่ื ”
         “ไม่วา่ เธอหรือเขากส็ มคั รใจนอนห้องเดียวกับฉนั ได”้
         “ทง้ั เขาและเธอมอี ดุ มการณก์ ารใช้ชวี ิตเหมอื นกัน จงึ อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข”

                ในประชุมประกาศรัชกาลที่ ๔ เล่ม ๓ (๒๕๓๔, น. ๑๘๓–๑๘๔) พระบาทสมเด็จ-
พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระราชนพิ นธเ์ รอื่ งความตายวา่ “... แตท่ จี่ ะหา้ มความตายใหข้ าดไมใ่ หม้ มี านนั้
ไม่ได้ ถ้ายงั เกดิ เป็นกายเป็นใจอยู่ตราบใด กค็ งยงั ตอ้ งอยูใ่ นอำ� นาจความตายจะประหารอยตู่ ราบน้นั ไมม่ ี
ใครพ้นได้เลย ...”

                ๒) 	ค�ำบุพบทที่ใช้เป็นค�ำคู่ในการเชื่อมค�ำหรือข้อความ เวลาใช้ต้องใช้คู่กันเสมอ จะทิ้ง
ค�ำใดค�ำหน่ึงไม่ได้ เชน่ “ไม่วา่ ...หรอื ...” “แตกต่างกับ” ดงั ตวั อยา่ ง

                “ไม่ว่าจะรำ�่ รวยหรือยากจนก็มคี วามเปน็ คนเทา่ เทยี มกนั ”
                “นสิ ัยจูจ้ ขี้ บี้ ่นของเธอช่างแตกต่างกบั นิสัยไม่เรอื่ งมากของน้องสาวเธอ”
       ๒. 	ในงานร้อยกรอง การใช้ภาษาลกั ษณะนี้มีจุดประสงค์ ดงั นี้
            ๒.๑ 	เพื่อเน้นย้�ำความหมาย พบในการใชค้ ำ� สร้อย ดงั ตวั อย่าง
                ๑) 	ในเร่อื งลิลิตโองการแช่งน้�ำ ใช้ค�ำสรอ้ ย “จนตาย” ท้ายวรรคหลายวรรค เพอื่ เปน็
การเน้นย�ำ้ ใหเ้ กดิ สัมฤทธิผลตามค�ำสาปแช่ง (ชลดา เรืองรักษล์ ขิ ติ , ๒๕๕๓, น. ๔๔) ดงั น้ี
              	 “จงไปเป็นเปลวปล่อง น�้ำคลองกลอกเปนพิษ คาบิดเปนตาวงุ้ม ฟ้ากระทุ่มทับลง
  แล่งแผน่ ดินปลงเอาชพี ไป อย่ากนิ เข้าเพ่ือไฟ จนตาย อยา่ อาศยั แกน่ ำ�้ จนตาย นอนเรอื นคำ� รนคา
  จนตาย ลืมตาหงายสู่ฟ้า จนตาย กม้ หนา้ ลงแผ่นดิน จนตาย สลี องกินไฟต่างงว้ น”
                ๒) 	ในเรื่องลิลิตพระลอ ใช้ค�ำสร้อย “แก่แม่รา” ท้ายวรรคหลายวรรค เพ่ือเน้นย้�ำ
การตัดพ้อว่าเหตุใดเหตุการณ์เหล่าน้ีจึงต้องเกิดแก่พระนางบุญเหลือผู้เป็นพระมารดาของพระลอด้วย
(กรมศิลปากร, ๒๕๒๙, น. ๔๔๓) ดงั น้ี
   47   48   49   50   51   52   53   54   55   56   57