Page 26 - การวิจัยทางการวัดและประเมินผลการศึกษา
P. 26

7-16 การวิจัยทางการวัดและประเมินผลการศึกษา

       วัตถุประสงค์ข้างต้นน�ำมาสรุปเป็นองค์ประกอบใหญ่เพื่อกระจายน้ําหนักความส�ำคัญซึ่งน�ำไปสู่
เน้ือหาท่ีต้องวัดและวิธีการตรวจให้คะแนน จากตัวอย่างข้างต้นสมมติมีองค์ประกอบส�ำคัญท่ีต้องการวัด
3 องค์ประกอบ ซึ่งมีความสัมพันธ์กับวัตถุประสงค์และน้ําหนักความส�ำคัญ ดังตารางท่ี 7.6

         ตารางที่ 7.6 ความสมั พันธ์ระหวา่ งองคป์ ระกอบที่วดั วัตถปุ ระสงค์ และนา้ํ หนกั ความสำ�คัญ

                  องค์ประกอบทว่ี ัด                  วัตถปุ ระสงค์           นาํ้ หนักความสำ�คญั

1.	 ทักษะ A (การเขียนโครงการ)                             10                      10%
2.	 ทักษะ B (การใช้อุปกรณ์ในการตัดเย็บเส้ือผ้าสตรี)     1, 2, 7                   25%
3.	 ทักษะ C (การเลือกผ้าและการตัดเย็บเสื้อผ้าสตรี)   3, 4, 5, 6, 8, 9             65%

       จากตารางแสดงว่าสาระการเรียนรู้น้ีให้ความส�ำคัญกับทักษะ C มากท่ีสุด รองลงมาคือ ทักษะ B
และทักษะ A ตามล�ำดับ ซึ่งจะต้องวางแผนให้การวัดแต่ละองค์ประกอบสอดคล้องกับวิธีการวัดที่ก�ำหนดไว้
(งานท่ีให้ท�ำ) ดังแสดงในตารางที่ 7.7

               ตารางท่ี 7.7 ความสัมพันธ์ระหว่างองคป์ ระกอบท่ตี อ้ งการวดั และวธิ ีการวัด

              องค์ประกอบทีว่ ดั                       สังเกตพฤติกรรมการ      การทำ�โครงการ  รวม
                                                     ทำ�งานในสถานการณจ์ รงิ
1. ทักษะ A (การเขียนโครงการ)
2. ทักษะ B (การใช้อุปกรณ์ในการตัดเย็บเสื้อผ้าสตรี)    - 10% 10%
3. ทักษะ C (การเลือกผ้าและการตัดเย็บเสื้อผ้าสตรี)    25% - 25%
                                                     65% - 65%
                    รวม
                                                     90% 10% 100%

       2.2 	การดำ� เนินการสร้างเคร่อื งมือ มีรายละเอียดดังนี้
            2.2.1 	ระบุรายละเอียดของเน้ือหาในเครื่องมือประเภทต่าง ๆ วางแผนไว้ เน้ือหาท่ีวัดสัมพันธ์

กับคุณลักษณะท่ีต้องการวัด สามารถก�ำหนดจากการศึกษาธรรมชาติของงานท่ีมอบหมาย ผลงานวิจัยที่เคย
มีผู้ศึกษาไว้แล้ว หรือเคร่ืองมือท่ีผู้อื่นสร้างไว้ เคร่ืองมือที่มีคุณภาพต้องมีเนื้อหาครอบคลุมและสอดคล้อง
กับสัดส่วนของคุณลักษณะพฤติกรรมที่วิเคราะห์ไว้

            2.2.2 	กำ� หนดวธิ กี ารตรวจใหค้ ะแนนและการประเมนิ ผล การตรวจใหค้ ะแนนเปน็ เรอื่ งสำ� คญั
เพราะการตรวจให้คะแนนทักษะปฏิบัติมีความเป็นปรนัยน้อยเน่ืองจากต้องอาศัยความคิดเห็นหรือดุลพินิจ
ของผู้ประเมิน จึงต้องมีการก�ำหนดเกณฑ์ในการให้คะแนน (scoring rubrics) ที่มีความชัดเจน จะช่วยให้
การตรวจให้คะแนนมีความเป็นปรนัยมากขึ้นท�ำให้ผู้ถูกประเมินได้รับความยุติธรรม
   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30   31