Page 40 - ไทยศึกษา
P. 40

๑-30 ไทยศึกษา

เรื่องที่ ๑.๒.๒
การก�ำหนดขอบเขตของสังคมไทย

       “สังคม” ของคนกลุ่มหน่ึงที่เรียกเป็น “สังคมไทย” น้ันมีขอบเขตที่ชัดเจนแน่นอนเป็นรูปธรรม
อยา่ งไร

๑. 	 ขอบเขตของสังคมไทยที่ก�ำหนดด้วยความสัมพันธ์ฉันญาติมิตร

       ถ้ามองจากภายในโดยคนที่เป็นสมาชิกของสังคมนั้นเอง “สังคมไทย” ก็คือกลุ่มคนที่พูดภาษา
เดยี วกนั มกี ารกระทำ� เกย่ี วขอ้ งกนั ดว้ ยแบบอยา่ งธรรมเนยี มประเพณที ย่ี ดึ ถอื รว่ มกนั และมคี วามรสู้ กึ ผกู พนั
เปน็ พวกพอ้ งหมคู่ ณะเดยี วกนั ขอบเขตของสังคมไทยตามเกณฑน์ ีก้ ำ� หนดตามความร้สู กึ ของผูท้ ถี่ อื ตนว่า
เปน็ เจ้าของตน สังคมไทยทก่ี �ำหนดเชน่ นยี้ ่อมมขี อบเขตคอ่ นขา้ งจำ� กัด แต่กไ็ มถ่ งึ กบั มแี ตผ่ ู้คนทเี่ ก่ยี วขอ้ ง
สมั พนั ธก์ นั เฉพาะในปจั จบุ นั เทา่ นน้ั เพราะยอ่ มรวมบรรพบรุ ษุ ทลี่ ว่ งลบั ไปในประวตั ศิ าสตรด์ ว้ ย แตจ่ ะรวม
แตเ่ รอ่ื งราวของกลมุ่ ทต่ี นถอื วา่ สบื ตอ่ กนั มาเทา่ นนั้ (การปลกู ฝงั ถา่ ยทอดความรเู้ รอ่ื งอดตี ของกลมุ่ จงึ มคี วาม
สำ� คญั ส�ำหรบั การสืบสาวขอบเขตของสังคมยอ้ นหลงั ขน้ึ ไปกอ่ นสมยั ปัจจบุ ัน)

       คนไทยสมยั น้ี บางคนทม่ี คี วามรสู้ กึ ทางชาตนิ ยิ มคอ่ นขา้ งแรง จะจำ� กดั เขตของสงั คมไทยไวเ้ ชน่ นนั้
คนที่พูดจาภาษาเพี้ยนไป แต่งกายต่างไป กินอยู่ไม่เหมือนกับตน ฯลฯ ถึงแม้จะมีเค้าว่าเป็นเครือภาษา
เดียวกนั แต่สำ� เนียงเพย้ี นกนั และคำ� ท้องถน่ิ ต่างกันบ้าง คนทเ่ี คร่งครัดมากก็จะนับแยกกนั เปน็ คนละพวก
คนละสงั คม โดยเฉพาะถ้าไม่ร้จู ักมักคนุ้ และไมม่ ีการติดตอ่ สมั พนั ธ์กันอยู่เปน็ ประจ�ำ

       ความรู้สึกคับแคบเช่นนม้ี ักมีในหมคู่ นทอี่ ยู่ล�ำพงั ในกลมุ่ ตน แยกขาดจากผ้อู น่ื ไมม่ ีการคมนาคม
ตดิ ตอ่ กบั โลกภายนอกมากนกั และมคี วามเปน็ อสิ ระ ไมอ่ ยใู่ นปกครองใคร และกไ็ มแ่ ผอ่ ำ� นาจปกครองเปน็
กลุ่มอ่ืนใด เช่น ชุมชนหมู่บ้านหรือชุมชนเผ่าท่ีอยู่เป็นเอกเทศ ท�ำมาหากินเลี้ยงชีวิตตนเองโดยไม่ต้อง
คา้ ขายแลกเปลย่ี นผลผลติ กบั ใครอนื่ หากจะใหน้ บั ชมุ ชนอนื่ เขา้ เปน็ พวกพอ้ งเดยี วกนั ไดก้ ต็ อ้ งเปน็ ชมุ ชนที่
มีความสัมพันธ์เป็นญาติมิตรเกี่ยวดองกัน ส�ำนวนไทยท่ีว่า “บ้านใครใครอยู่ อู่ใครใครนอน” และความ
หมายวา่ มกี ารแยกตวั เอง (หรอื กลมุ่ ของตวั เอง) จากผอู้ นื่ (หรอื กลมุ่ อน่ื ) ได้ อยา่ งนเี้ ทา่ กบั กำ� หนดขอบเขต
ของ “สังคม” ด้วยความเปน็ ญาติหรือความเปน็ มติ รท่ีเทยี มญาติเปน็ ส�ำคัญ

๒. 	ขอบเขตของสังคมไทยที่ก�ำหนดด้วยอ�ำนาจการบริหารปกครอง

       ขอบเขตของ “สงั คม” (ซง่ึ เปน็ คำ� วชิ าการสมยั ใหมท่ ป่ี กตชิ าวบา้ นไมใ่ ชก้ นั แตจ่ ะใชว้ า่ “พวกพอ้ ง
หม่คู ณะ ฯลฯ” มากกวา่ ) จะกว้างขวางขน้ึ ตามขอบเขตความสัมพันธ์ของบคุ คลทเี่ ก่ียวขอ้ ง หนุ่มชาวบ้าน
ทเ่ี ทย่ี วเตรไ่ ปรจู้ กั ผคู้ นตา่ งหมบู่ า้ น ชมุ ชน ยอ่ มกำ� หนดขอบเขตของ “สงั คม” ไดก้ วา้ งขวางกวา่ หญงิ ชาวบา้ น
ท่ีอยู่แต่ในหมู่บ้าน ผู้ท่ีมีอ�ำนาจบารมีคุ้มครองเป็นท่ีพ่ึงพาอาศัยของคนในหลายชุมชน ย่อมมีขอบเขต
ของ “สงั คม” ของคนทตี่ อ้ งเกยี่ วขอ้ งสมั พนั ธก์ วา้ งขวางกวา่ ขอบเขตสงั คมของคนทไ่ี มม่ ใี ครมาพงึ่ พน้ เขต
   35   36   37   38   39   40   41   42   43   44   45