Page 33 - สื่อศึกษา
P. 33
ผูร้ บั สาร 6-23
ในทัศนะของเขาโทรทัศน์จึงมีบทบาทในสามด้านคือ ด้านแรก การลบภาพหรือท�ำให้โลกความ
เปน็ จรงิ ทเี่ คยมขี องผชู้ มออกไป ดา้ นทส่ี อง โทรทศั นค์ อ่ ยๆ ผสมความจรงิ ของผชู้ มเขา้ กบั สง่ิ ทม่ี ใี นโทรทศั น์
และดา้ นทีส่ าม การทำ� ใหโ้ ลกของผู้ชมเป็นไปตามท่โี ลกโทรทัศน์ก�ำหนด นั่นก็เท่ากับว่า โทรทศั นม์ ิไดท้ �ำ
หนา้ ทเ่ี กย่ี วโยงกบั พฤตกิ รรม แตก่ ลบั ไปทำ� หนา้ ทส่ี รา้ งความหมาย โลกสญั ลกั ษณบ์ างอยา่ งใหก้ บั ผรู้ บั สาร
แนวทางน้ีเอง ท่ใี นช่วงหลังสำ� นักวัฒนธรรมศกึ ษากน็ �ำไปใชด้ ว้ ย
การมองผู้รับสารข้างต้นเป็นการมองผู้รับสารจากมุมมองของสหรัฐอเมริกา ส�ำหรับในฟากของ
ยุโรปการมองผู้รับสารได้รับอิทธิพลจากส�ำนักมาร์กซิสม์ (Marxism) ส�ำนักน้ีสนใจมิติอ�ำนาจและชนช้ัน
การเป็นเจ้าของส่ือส่งผลต่อการก�ำหนดเน้ือหาในสื่อมวลชน ดังแนวคิดเศรษฐศาสตร์การเมืองเรื่องสื่อ
(political economy of media)
แตใ่ นชว่ งหลงั สำ� นกั มารก์ ซสิ มเ์ รม่ิ ใหค้ วามสนใจตอ่ มติ คิ วามคดิ วา่ สอ่ื มวลชนมผี ลตอ่ การกำ� หนด
วธิ ีคิดของมนุษย์ และหนง่ึ ในสำ� นกั ยอ่ ยของสำ� นักมาร์กซิสมน์ ้ัน คอื สำ� นกั แฟรงค์เฟริ ์ต (Frankfurt) ของ
เยอรมนั สำ� นกั นเ้ี ตบิ โตขนึ้ มาดว้ ยการมองสอื่ ในแงล่ บ เพราะนกั วชิ าการสว่ นหนงึ่ ทเี่ ปน็ ชาวยวิ ไดร้ บั อทิ ธพิ ล
จากส่ือมวลชนของเยอรมันที่ผลิตซ้ําอุดมการณ์เกลียดยิวจนต้องอพยพไปสู่สหรัฐฯ และเมื่อมาถึงสหรัฐฯ
กพ็ บปรากฏการณไ์ ม่ตา่ งกันคือ สื่อมวลชนกก็ �ำลังผลติ ซํ้าอุดมการณท์ นุ นิยม เหตุนี้ สำ� นักแฟรงค์เฟริ ์ตจงึ
พิจารณาว่า สื่อมวลชนเป็นเสมือนอุตสาหกรรมวัฒนธรรม (culture industry) และผลิตซํ้าอุดมการณ์
ความคิดของระบบทนุ นยิ มยังผลให้ผู้รับสารคดิ เหมอื นกนั ขาดความคิดสร้างสรรค์ และทำ� ใหม้ นุษยก์ ลาย
เป็นคนมิตเิ ดียวกนั หมด (one-dimension man) ดังแนวคดิ ของมารค์ ูเซอ (Marcuse)
ในชว่ งเวลาไลเ่ ลย่ี กนั ยงั มนี กั คดิ ชาวฝรงั่ เศส คอื หลยุ ส์ อลั ธแู ซร์ (Louis Althusser) ไดป้ ระสาน
แนวคิดของมาร์กซิสม์เข้ากับแนวคิดสัญวิทยา (semiology) และจิตวิเคราะห์ (psychoanalysis) ของ
ฟรอยด์ (Freud) จนพฒั นาเป็นแนวคิดอุดมการณ์ โดยมองว่า อดุ มการณ์คือกรอบความคดิ ท่ีกำ� หนดขน้ึ
และสถาบันต่างๆ เช่น รัฐ โรงเรียน สื่อมวลชนก็เป็นส่วนหน่ึงของการผลิตซํ้าอุดมการณ์เหล่านั้น ท้ังน้ี
อัลแู ซรม์ องวา่ ไม่เพียงแต่อุดมการณท์ นุ นยิ ม แต่ยังหมายรวมถงึ อดุ มการณต์ ่างๆ ท้ัง เพศ วัย ความอว้ น
ความงาม ชาติ และอ่ืนๆ การผลิตซํา้ อดุ มการณน์ ัน้ ท�ำไดโ้ ดยผ่านสญั ญะตา่ งๆ ดังแนวคิดสญั วิทยา และ
อดุ มการณน์ นั้ กฝ็ งั ลงลกึ ในจติ ไรส้ ำ� นกึ ของผคู้ นตามแนวคดิ ของฟรอยด์ ซงึ่ มองวา่ จติ ไรส้ ำ� นกึ ของมนษุ ยม์ ี
อยจู่ รงิ และมรี ะบบระเบยี บเปน็ สญั ลกั ษณ์ เมอ่ื สงั คมกำ� หนดกรอบความคดิ เปน็ สญั ลกั ษณแ์ ละสง่ ผา่ นใหก้ บั
ผ้คู น ภายในจติ ไร้สำ� นึกกจ็ ะรบั และฝงั อยู่และทำ� ให้ผรู้ บั สารก็คดิ ไปตามสิ่งก�ำหนดโดยไม่ไดเ้ อะใจ
จากแนวคดิ ดงั กลา่ ว นกั วชิ าการโดยเฉพาะนกั วชิ าการดา้ นภาพยนตร์ กไ็ ดน้ �ำแนวคดิ นไ้ี ปประยกุ ต์
ด้วยการวิเคราะห์ภาพยนตร์ และพบว่า ภาพยนตร์มักจะท�ำหน้าที่ผลิตซํ้าอุดมการณ์ท่ีสังคมก�ำหนดและ
ครอบงำ� ผคู้ น จนในทสี่ ดุ กพ็ ฒั นาขนึ้ เปน็ สำ� นกั สกรนี ทอี อรี (Screen theory) ของประเทศองั กฤษ ตวั อยา่ ง
เชน่ ภาพยนตร์ตระกลู สงครามระหว่างประเทศได้ผลิตซาํ้ อุดมการณค์ วามรักชาติ อธิบายวา่ ชาติไทยคอื
อะไร ใครคอื ศตั รขู องชาติ และทสี่ ำ� คญั คอื การเรยี ก (interpellation) อตั ลกั ษณข์ องผรู้ บั สารหรอื ผชู้ มให้
ตระหนกั วา่ ใครคอื คนไทย และตา่ งจากชาติอ่ืนๆ อยา่ งไร