Page 39 - วิถีไทย
P. 39
ภาษาในวถิ ไี ทย 3-29
ความหมายเดิมของส�ำนวนไม้ป่าเดียวกัน มาจากการสัญจรทางน�้ำในอดีตที่ใช้เรือ เม่ือเกิดการ
กระทบกนั ทง้ั สองฝา่ ยกจ็ ะพดู ว่าไมป้ ่าเดียวกัน หมายความวา่ “ไม้ทน่ี �ำมาท�ำเรือเป็นไมจ้ ากป่าในท้องถิ่น
เดยี วกนั ” คอื เปน็ คนในชมุ ชนเดยี วกนั ไมค่ วรมเี รอื่ งววิ าทะกนั แตค่ วามหมายปจั จบุ นั เปลยี่ นไปอกี ทางหนง่ึ
ซ่ึงหมายถึง “คนท่ชี อบเพศเดียวกนั ” แมค้ วามหมายจะเปล่ียนไปมากก็ตามแตก่ ย็ งั คงเค้ารางความหมาย
รว่ มกันอยู่บา้ ง
3. ส�ำนวนท่ีเลิกใช้แล้ว เมอ่ื สงั คมเปลยี่ นแปลงบางสำ� นวนจงึ ไมห่ มดความจำ� เปน็ หรอื สำ� นวนนนั้
เกา่ พน้ สมยั ไมเ่ ขา้ กบั วถิ ชี วี ติ เมอ่ื นยิ มใชน้ อ้ ยลงจงึ เลกิ ใชใ้ นทสี่ ดุ อาจกลา่ วไดว้ า่ สำ� นวนทเ่ี ลกิ ใชเ้ ปน็ สำ� นวน
ที่ตายแล้ว บางส�ำนวนอย่ใู นขา่ ยส�ำนวนท่ใี กลจ้ ะเลิกใช้ คือปรากฏในการสอ่ื สารน้อยมาก ในกรณนี ้ตี ่อไป
อาจกลายเปน็ สำ� นวนเลกิ ใชใ้ นทส่ี ดุ ตวั อยา่ งเชน่ สำ� นวน ตดั หนามอยา่ ไวห้ นอ่ มคี วามหมายวา่ “เมอื่ ปราม
ศัตรูแล้วอยา่ เลีย้ งลกู ศตั รู ท�ำลายใหถ้ ึงต้นตอ” ใชเ้ ปรยี บกบั หนามว่าหากตัดแล้วเหลือหน่อไว้สุดทา้ ยหน่อ
กจ็ ะเตบิ โตขนึ้ เปน็ หนามอกี ปจั จบุ นั พบสำ� นวนนใ้ี ชน้ อ้ ย เนอื่ งดว้ ยสภาพปจั จบุ นั ไมม่ สี งครามหรอื การปะทะ
ตอ่ สกู้ นั รวมถงึ ผคู้ นในสงั คมเมอื งกไ็ มไ่ ดม้ วี ถิ ผี กู พนั กบั เกษตร สำ� นวนนจี้ งึ อยใู่ นภาวะทใ่ี กลเ้ ลกิ ใช้ สำ� นวน
ที่เลิกใช้แล้วย่อมหาผู้เข้าใจความหมายได้ยากดังน้ันการจะเข้าใจความหมายของส�ำนวนกลุ่มนี้ต้องอาศัย
การศึกษาความหมายเชงิ บรบิ ท ตวั อยา่ งส�ำนวนทเี่ ลือกใช้แลว้ มดี ังนี้
ริกะปิเป็นหนอน
ความหมายของสำ� นวนนหี้ มายถงึ “รทิ ำ� อะไรแลว้ เกดิ เรอื่ งยงุ่ ยากลามปาม” เปน็ การเปรยี บเทยี บ
ท่ีว่าเมื่อจะท�ำกะปิก็มีหนอนขึ้น แสดงให้เห็นถึงความส�ำคัญของกะปิในอดีตที่เป็นเคร่ืองปรุงส�ำคัญในการ
ประกอบอาหาร เม่อื กะปิเป็นหนอนก็ทำ� ให้ขาดเครื่องปรงุ ส�ำนวนริกะปิเปน็ หนอน ไมพ่ บวา่ มีผูใ้ ช้แลว้ ยงั
คงเหลอื แตส่ �ำนวนเกลือเปน็ หนอนที่ความหมายต่างกัน คอื “คนภายในครอบครัวหรอื คนในเกิดทรยศหกั
หลัง โดยเอาความลบั ไปบอกผอู้ น่ื ”
โทโสมาแขก
โทโสมาแขกมีความหมายว่า “โกรธวู่วามฉุนเฉียวมากเกินปกติ” เป็นส�ำนวนโบราณท่ี
ปรากฏในกฎหมายลกั ษณะผวั เมีย สมยั พระเจา้ อ่ทู องว่า “อนึ่งชายไปด้วยสามารถโทโสมาแขก ครนั้ หาย
โกรธแล้วมันเสีย เมียมันมิได้ และกลับมาหาเมียมัน” ส�ำนวนนี้ยังปรากฏในบทละครขุนช้างขุนแผนของ
กรมพระราชวงั บวรฯ ดงั ขอ้ ความวา่
กมุ ารทองหวั รอ่ รา่ วา่ แกไ้ ข
โทโสมาแขกแปลกเปล่ยี นใจ
ไม่เปน็ ไรดอกอย่าโกรธา
สำ� นวนทปี่ จั จบุ นั เลกิ ใชบ้ างสำ� นวนมาจากเหตทุ วี่ า่ มสี ำ� นวนทค่ี วามหมายใกลก้ นั ซง่ึ ในกรณนี จี้ ะมี
ส�ำนวนหนึ่งทเ่ี ลกิ ใช้และอกี ส�ำนวนหน่ึงยงั ใชอ้ ยู่ ดงั ตัวอย่าง