Page 42 - ภาษาถิ่นและวรรณกรรมท้องถิ่นไทย
P. 42
10-32 ภาษาถ่นิ และวรรณกรรมทอ้ งถนิ่ ไทย
จากเพลงกลอ่ มเดก็ บทดงั กลา่ ว มคี ำ� สมั ผสั สระทเ่ี ปน็ สมั ผสั บงั คบั คอื หยนิ กบั ลนิ้ และ ชาย กบั
ตาย สว่ นค�ำสมั ผัสสระทม่ี ิไดเ้ ปน็ สมั ผสั บงั คับ คือ หลอด กบั ลอด
ค�ำสมั ผสั อกั ษร คอื ลิ้น กับ ลม และ สกั กบั สอง และ สาม
สว่ นตวั อยา่ งบทวรรณกรรมลายลกั ษณท์ ป่ี รากฏการใชค้ ำ� สมั ผสั สระและคำ� สมั ผสั อกั ษร เชน่ เรอื่ ง
“นิราศช่ืน” ดังต่อไปนี้ (ชวน เพชรแกว้ , 2548, น. 461)
หัตถ์ทเวเมวางหว่างขนง
นบพระคุณรัตนังดังจ�ำนง เคารพองค์พระพุทธวิสุทธิญาณ
ไหว้พระธรรมค�ำสอนตอนท่านตรัส น�ำฝูงสตั วข์ ้ามห้วงบ่วงสงสาร
ไหว้พระสงฆ์ทรงศีลอภิญญาณ สมาทานถือธรรมสัมปทา
ไหว้ชนกชนนีท่ีเกิดเกล้า พระคุณเท่าเมรุไกรใหญ่มหา
ไหว้อาจารย์คู่สวดบวชกายา ขอบูชาอุปัชณังยังอาราม
จากตัวอย่างบทวรรณกรรมเรื่อง “นิราศชื่น” ข้างต้น ค�ำสัมผัสสระที่เป็นสัมผัสบังคับ คือ
(ข)นง กับ (จำ� )นง และ องค,์ (สทุ ธิ)ญาณ กบั (สง)สาร, ตรสั กับ สัตว,์ (อภิญ)ญาณ กับ (สมา)ทาน,
(สัมป)ทา กับ (ม)หา (กา)ยา และ (บู)ชา, เกลา้ กบั เท่า สว่ นคำ� สมั ผัสสระทม่ี ิได้เป็นสัมผัสบังคบั คือ (ท)
เว กบั เม, วาง กบั หว่าง, (รตั )นัง กบั ดงั , พทุ ธ กบั (ว)ิ สทุ (ธญิ าณ), สงฆ์ กบั ทรง, ธรรม กบั สัม(ปทา),
(ชน)นี กบั ท่ี, ไกร กบั ใหญ่, สวด กบั บวช, (อปุ ชั )ณัง กบั ยัง
สว่ นค�ำสัมผสั อกั ษร คือ สง, สาร, (สมา)ทาน, ถือ, ธรรม
1.1.2 น้ําเสียงของค�ำ วรรณกรรมมขุ ปาฐะและลายลกั ษณข์ องทอ้ งถน่ิ ภาคใตท้ เี่ ปน็ รอ้ ยกรอง
เม่ือขับเป็นท่วงท�ำนอง หากใช้ค�ำท่ีมีนํ้าเสียงหนักเบามารับส่งสัมผัสกัน จะท�ำให้บทประพันธ์นั้นมีความ
ไพเราะชวนฟงั ยิง่ ขึ้น คำ� ทมี่ นี ํ้าเสยี งหนักคอื คำ� ตาย เชน่ มาก รัก สตั ว์ ปราบ ส่วนคำ� ทมี่ นี า้ํ เสียงเบาคือ
ค�ำเป็น เช่น หวาน ไกล หนู ขวาน
ตวั อยา่ งบทวรรณกรรมมขุ ปาฐะประเภทเพลงกลอ่ มเดก็ ทใี่ ชค้ ำ� ทม่ี นี าํ้ เสยี งหนกั เบามารบั สง่
สมั ผัส มีดังนี้ (วรวรรธน์ ศรยี าภัย, 2541, น. 110)
ต้นกล้วยเถื่อนเหอ ครือต้นกล้วยเถ่ือน
พุงใหญ่สามเดือน บอกเพื่อนว่าไข้จับ
ท�ำพรือเพื่อนเหอ หมันไต่ขึ้นมาเมื่อเราหลับ
บอกเพ่ือนว่าไข้จับ เป็นมือเป็นตีนร่าเหอ
(กล้วยเถ่ือน = กล้วยป่า, พุงใหญ่ = คนต้ังครรภ์, ท�ำพรือ = ท�ำอย่างไร, หมัน = มัน,
ร่า = งอกออกมา)