Page 49 - ภาษาถิ่นและวรรณกรรมท้องถิ่นไทย
P. 49
วรรณกรรมทอ้ งถน่ิ ภาคใต้ 10-39
2.3.3 อติพจน์ เป็นข้อความกล่าวเกินจริงที่มิอาจเกิดขึ้นได้แต่ผู้รับสารเข้าใจรับรู้ถึง
สุนทรียภาพได้ด้วยจินตนาการ ตัวอย่างเช่นวรรณกรรมเรื่อง “นางโภควดีค�ำกาพย์” ตอนนางโภควดี
อธิษฐานถวายชีวิต โดยให้ดวงจิตเป็นดวงดาวรูปสิงห์และสัตว์ต่างๆ เรืองรองอยู่บนท้องฟ้า ขอให้เลือด
เป็นแมน่ ํ้ากว้างใหญ่หลายสาย ทั้งสายจืด สายเคม็ สายสีด�ำ สายดีแดง และสายใส การอธิษฐานดังกล่าว
ของนางล้วนเป็นการกล่าวเกินจริงแต่ผู้อ่านจะได้รับอรรถรสอย่างดี ดังบทประพันธ์ว่า (ชัยวุฒิ พิยะกูล,
2548, น. 138)
ขอถวายชีวิต ขอให้ดวงจิต เป็นดวงดาหรา
เป็นสิงห์เป็นสัตว์ ทุกพันนานา อยู่บนเวหา รุ่งเรืองสุกใส
โลหิตแห่งข้า ขอเป็นคงคา แม่นํ้ากว้างใหญ่
บางจืดบางเค็ม ต่างต่างกันไป ด�ำแดงขุมใส มีในดินดอน
(ดาหรา = ดารา, พัน = พรรณ พวก เหล่า ชนิด, บาง = บ้าง, ขุม = หลุม)
2.3.4 สัทพจน์ คือการใช้ถอ้ ยคำ� ทเ่ี ปน็ การเลยี นเสยี งธรรมชาติ เช่นฝนตก ฟา้ รอ้ ง เสียงนก
และเสียงน้ําไหล เมื่อผู้แต่งใช้ค�ำเลียนเสียงธรรมชาติดังกล่าวแล้ว ผู้ฟังหรือผู้อ่านก็เกิดเห็นภาพตาม
ตัวอย่างเชน่ เพลงกลอ่ มเดก็ บท “ฟ้าล่ัน” ท่ีใชค้ ำ� วา่ “โครมโครม” เลียนเสียงฟา้ ร้อง ดงั บทเพลงวา่ (วมิ ล
ด�ำศรี, 2539, น. 166)
ฟ้าลั่นเหอ ลั่นมาโครมโครม
คดข้าวใส่โคม ตักแกงใส่ถ้วย
นํ้าชุบใส่จาน นั่งขวานลูกกล้วย
ตักแกงใส่ถ้วย ลูกกล้วยนํ้าว้าอ่อนเหอ
(นํ้าชุบ = นํ้าพริก, ขวาน = ฝาน, ลูกกล้วย = ผลกล้วยอ่อนใช้กินเป็นผัก)
2.3.5 สัญลักษณ์ เปน็ การนำ� สภาพหรอื ลกั ษณะของสง่ิ หนงึ่ ใชแ้ ทนของอกี สง่ิ หนง่ึ ทตี่ อ้ งการ
กลา่ วถึง เช่น “ระฆงั ” แทนความมีชือ่ เสียง “อกี า” แทนคนชนั้ ตา่ํ “หงส”์ แทนคนช้นั สงู “ดอกไม”้ แทน
ผู้หญงิ ตวั อยา่ งเช่นเพลงกลอ่ มเดก็ บท “เดือนขึ้น” ใช้คำ� วา่ “นาํ้ เตา้ ” แทนลูกสาว และใช้ “แมงโภ”่ บาง
ทอ้ งถนิ่ อาจออกเสยี งวา่ “แมงภ”ู่ แทนชายหนมุ่ ดงั บทเพลงกลอ่ มเดก็ วา่ (วรวรรธน์ ศรยี าภยั , 2541, น. 177)
เดือนข้ึนเหอ ขึ้นมาเป็นแสง
นํ้าเต้าพอทรามแกง นางแม่ห่วงไว้ไปไหน
หวงไว้นานนาน แมงโภ่ข้างบ้านต้ีลักไช
นางแม่ห่วงไว้ไปไหน นํ้าเต้าพอทรามแกงเหอ
(นํ้าเต้า = ฟักทอง, แมงโภ่ = แมลงภู่, ตี้ = จะ, ไช = เจาะ, ทราม = พอเหมาะพอดี)