Page 40 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 40

15-30 ทฤษฎแี ละการวจิ ารณ์ภาพยนตร์
ในทศั นะของเลนนิ (Lenin) ใช้สอื่ ภาพยนตร์เปล่ยี นแปลงความคดิ ประชาชนเพ่ือลม้ ลา้ งระบบพระเจา้ ซาร์
สู่สังคมนิยมท�ำให้ภาพยนตร์ถูกมองว่า เป็นสื่อท่ีสร้างอิทธิพลต่อผู้ชมอย่างสูง และกลายเป็นพ้ืนฐานของ
สำ� นกั วพิ ากษใ์ นการวเิ คราะหภ์ าพยนตรต์ อ่ ผชู้ ม (และไดร้ บั การศกึ ษาอยา่ งละเอยี ดในชว่ งทศวรรษที่ 1970
ภายใตส้ ำ� นักสกรีน รายละเอียดโปรดดูในชว่ งถัดไป)

       นอกจากนั้นอีกเหตุการณ์หนึ่งท่ีเป็นแรงสนับสนุนให้การมองผู้ชมเป็นผู้ถูกกระท�ำก็คือ กรณีของ
ละครวทิ ยุเรื่อง อนิ เวชนั่ ฟอรม์ มาร์ส (Invasion from Mars) ซ่งึ ผลติ จากนยิ ายเรื่อง วอร์ ออฟ เดอะ
เวิรล์ ด์ (War of the World) น�ำมาออกอากาศในวันฮาโลวนี ช่วงปี 1938 โดยนกั จัดรายการวิทยุออรส์ นั
เวลลส์ (Orson Welles) แลว้ เกดิ เหตกุ ารณผ์ ฟู้ งั วทิ ยตุ า่ งตน่ื ตระหนกคดิ วา่ มมี นษุ ยต์ า่ งดาวมาบกุ โลกจรงิ

       แม้แนวคิดอิทธิพลของส่ือจะทรงอิทธิพลอย่างมาก แต่ก็ได้รับการต้ังค�ำถามในช่วงเวลาต่อมาว่า
ผรู้ บั สารจะยนิ ยอมรบั เนอ้ื หาจากภาพยนตรท์ งั้ หมดเชน่ นนั้ จรงิ หรอื ผรู้ บั สารทไี่ มใ่ ชเ่ ยาวชนอาจมกี ารรบั สาร
ที่ต่างไปด้วยหรือไม่ รวมถึงการวิพากษ์ต่อเหตุการณ์สงครามและละครมนุษย์ต่างดาวบุกโลก และหันมา
วิจัยอย่างเจาะลึกก็ได้ผลที่ต่างไปจากแนวคิดอิทธิพลของสื่อที่ว่า ผู้คนอาจมิได้รับอิทธิพลโดยตรงจากส่ือ
คนทเี่ ชอื่ บางครงั้ อาจเชอื่ จากบคุ คลมากกวา่ สง่ ผลใหเ้ กดิ การพจิ ารณาทบทวนการศกึ ษาผรู้ บั สารในยคุ ถดั ไป

3. การศึกษาผู้ชมในฐานะผู้กระท�ำเพื่อประโยชน์ด้านอุตสาหกรรมภาพยนตร์

       การศึกษาผู้ชมในฐานะผู้ได้รับผลกระทบจากภาพยนตร์แม้จะมีน้ําหนักในช่วงต้นศตวรรษที่ 20
แต่หลังจากนั้น เม่ือเริ่มมีการวิจัยด้านผู้รับสารอย่างจริงจังโดยเฉพาะนักวิชาการด้านจิตวิทยาและสื่อสาร
มวลชนอย่างเป็นระบบ ท้งั การส�ำรวจ การทดลองท่เี ข้มข้นเพือ่ ควบคมุ ตวั แปร ในทศวรรษท่ี 1940-1960
ประกอบทั้งบริบทสังคมและสอ่ื ทีเ่ ปลย่ี นแปลงไป ส่งผลใหก้ ารมองอิทธิพลของสอ่ื ภาพยนตร์ต่อผ้ชู มลดลง
ที่ส�ำคัญคือ ในแวดวงการโฆษณาประชาสัมพันธ์และภาคธุรกิจก็เร่ิมให้ความสนใจว่า จะท�ำอย่างไรท่ีจะ
เข้าใจผรู้ บั สารอนั จะเปน็ ประโยชน์ตอ่ ธรุ กจิ ของตน

       ไม่เว้นแม้แต่แวดวงอุตสาหกรรมภาพยนตร์ก็เร่ิมก้าวเข้ามาให้ความสนใจศึกษาผู้ชมเพื่อแสวงหา
ความตอ้ งการของผชู้ มอนั จะนำ� ไปสกู่ ารผลติ ภาพยนตร์ จากในอดตี ผชู้ มภาพยนตรเ์ ปน็ คนชน้ั ลา่ งทเี่ ขา้ มา
ทำ� งานในเมอื ง แตเ่ มอื่ เวลาผนั เปลย่ี นผชู้ มภาพยนตรก์ เ็ รมิ่ แปรเปลยี่ นไปมคี วามแตกตา่ งกนั อยา่ งมาก เชน่
วยั รนุ่ การเตบิ โตของกลมุ่ นชิ (niche market) หรอื กลมุ่ ผชู้ มเฉพาะกลมุ่ รวมถงึ แตล่ ะกลมุ่ กม็ คี วามตอ้ งการ
ทศั นคตทิ แี่ ตกตา่ งกนั การดอู าจมใิ ชแ่ คเ่ พยี งความบนั เทงิ และการหลบหนจี ากภาวะโลกทค่ี บั แคน้ อยา่ งเดยี ว
ดังน้ัน เพ่ือจะเข้าใจผู้ชมภาพยนตร์อันจะน�ำไปสู่ผลก�ำไรเชิงธุรกิจจึงต้องศึกษาและวิจัยผู้ชมให้ชัดเจน ดัง
ตัวอย่างงานวิจัยของจุฑาภา ยศสุนทรากุล (2543) ศึกษากลยุทธ์การส่ือสารการตลาดและพฤติกรรม
ผู้บริโภคภาพยนตร์ของบริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์ไทยนามจีทีเอช และเผยให้เห็นการให้ความส�ำคัญต่อตัว
ผชู้ มอยา่ งสงู โดยมองผชู้ มในฐานะผกู้ ระทำ� มสี ทิ ธเิ ลอื กสอ่ื สารตา่ งๆ รวมถงึ ทศั นคตทิ มี่ ตี อ่ ภาพยนตร์ ทำ� ให้
บรษิ ทั ผผู้ ลติ ภาพยนตรต์ อ้ งเขา้ ใจกลมุ่ ผชู้ มเหลา่ นนั้ อนั จะนำ� ไปสกู่ ารออกแบบภาพยนตรแ์ ละการสอื่ สารตอ่
ผชู้ มให้ถกู ต้อง แตอ่ ย่างไรก็ตามกว่าทีจ่ ะก้าวมาสู่ขอ้ สรุปถงึ ผรู้ บั สารทม่ี ฐี านะผกู้ ระท�ำไดอ้ ยา่ งเตม็ ปากนน้ั
ก็ก้าวมาสู่ช่วงทศวรรษท่ี 1960
   35   36   37   38   39   40   41   42   43   44   45