Page 49 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 49

การศึกษาภาพยนตร์แนวผ้ชู ม 15-39
สสี นั นา่ รกั เพลงประกอบทรี่ ะทกึ ใจ สว่ นในฟากของผบู้ รโิ ภคเอง กส็ ามารถถอดรหสั ความหมาย หากผชู้ ม
เปน็ เยาวชนทไ่ี ดเ้ คยเรยี นประวตั ศิ าสตรช์ าตไิ ทยกย็ อ่ มถอดรหสั ไปในทศิ ทางเดยี วกนั กบั ผผู้ ลติ ในทางตรง
กันข้าม หากผู้ชมเป็นชาวต่างชาติ ท่ีอาจไม่เคยได้มีกรอบความรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทยก็อาจท�ำให้ถอด
ความหมายไมไ่ ด้หรือตคี วามหมายไปคนละทิศทาง

       ดว้ ยเหตนุ เ้ี อง ฮอลล์ จงึ สนใจการถอดรหสั ของผรู้ บั สารทมี่ คี วามแตกตา่ งกนั ไดถ้ งึ สามรปู แบบดว้ ย
กนั กลา่ วคอื รูปแบบแรก การถอดรหัสดว้ ยจุดยนื แบบเดียวกับทผี่ ้สู ่งสารผลิตหรอื เขา้ รหสั หรือที่เรยี กว่า
เพรฟเฟอรเ์ ร็ด รดี ดิง (preferred reading) ดังกรณเี ยาวชนไทยในตวั อย่างขา้ งต้น

       รูปแบบทส่ี อง คอื การถอดรหสั ด้วยจุดยนื ที่ต่อรองความหมายเสียใหม่ ซึ่งอาจต่างไปจากความ
ต้งั ใจของผู้ส่งสาร หรอื เรยี กว่า เนโกชเิ อทเทด รีดดงิ (negotiated reading) กล่าวคือ อาจเห็นด้วยใน
บางส่วนแต่ก็อาจเห็นต่างในอีกบางส่วน เช่น หากเป็นนักวิชาการด้านไทยศึกษาหรือภาพยนตร์ศึกษา
อาจมองเห็นการสร้างความหมายของชาติไทย แต่ในเวลาเดียวกันก็เห็นว่า ภาพยนตร์ก�ำลังผลิตซ้�ำ
อุดมการณร์ ักชาตมิ ากจนเกินไปผา่ นการใชส้ ญั ญะช้างไทยท่ีดีกว่าช้างพม่า อันอาจกอ่ ใหเ้ กิดอคตขิ องชาติ

       รปู แบบทส่ี าม คือ การถอดรหสั ดว้ ยจดุ ยืนท่ตี อ่ ตา้ นหรือขดั แยง้ กบั ความหมายทผี่ ้สู ง่ สารก�ำหนด
เรียกว่า ออปโพสิชั่นแนล รีดดิง (oppositional reading) เชน่ คนพม่าทช่ี มการต์ นู เรื่องเดยี วกนั น้ีอาจไม่
เหน็ ดว้ ยกับประวัติศาสตร์ในภาพยนตรท์ ่ีก�ำหนดขึน้ ทมี่ องว่า พม่าคือศตั รแู ละน่ากลัว

       การตคี วามของผรู้ บั สารในรปู แบบทส่ี องและสามสง่ ผลใหเ้ กดิ การมองผรู้ บั สารในลกั ษณะทมี่ อี �ำนาจ
กจ็ รงิ แตก่ ม็ ไิ ดห้ มายความวา่ ผรู้ บั สารแบบแรกจะสญู หายไป เพราะโดยสว่ นใหญแ่ ลว้ การผลติ ความหมาย
กย็ งั มกั จะกำ� หนดรหสั ทเี่ ขม้ งวดจนทำ� ใหผ้ รู้ บั สารถอดรหสั ใหเ้ ปน็ ไปในรปู แบบทผ่ี สู้ ง่ สารกำ� หนดเสยี มากกวา่
อย่างไรก็ตาม แนวคิดของฮอลล์ก็ส่งผลต่อการศึกษาผู้รับสารในภาพยนตร์อย่างมาก และก่อให้เกิดงาน
วิจยั ด้านผูร้ บั สารกบั ภาพยนตรจ์ ากเดมิ ในทศวรรษที่ 1970 ไมไ่ ด้รับความสนใจเท่าทค่ี วร

       งานวจิ ัยภายใต้ส�ำนกั นมี้ ักจะใหค้ วามสนใจความแตกต่างของผ้รู ับสาร ทัง้ ในเชงิ ประชากรศาสตร์
เชน่ เพศ วัย ชนชั้น เช้อื ชาติ สผี ิว คนชายขอบหรอื คนด้อยอำ� นาจ รวมถึงทนุ ท่ีติดตัวมา ดังแนวคิดของ
บูร์ดิเยอ (Bourdieu) ซ่ึงจะเก่ียวข้องกับความรู้ ความเข้าใจ ประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับตัวบทของ
ภาพยนตร์ ตัวบทที่เคยถูกมองว่า เป็นเพียงตัวบทท่ีปิด (closed text) ก็จะก้าวสู่ตัวบทท่ีเปิด (open
texts) ที่ผู้คนสามารถตีความหมายได้ เช่น เมื่อเยาวชนได้รับความรู้เก่ียวกับการสร้างความหมายใน
ภาพยนตรแ์ ละความรเู้ รอื่ งตะวนั ออกนยิ ม (Orientalism) หรอื การมองตะวนั ออกในแงล่ บจากมมุ มองของ
ตะวนั ตก สว่ นน้จี งึ เปน็ เสมอื นทนุ ท�ำให้เม่อื รบั ชมภาพยนตรเ์ รื่อง เดอะ กดู๊ วูแมน ออฟ แบงคอก (The
Good Woman of Bangkok) ตระหนกั ถึงการผลติ ภาพตัวแทนผหู้ ญิงไทยในเชิงลบผ่านสายตาผูก้ �ำกบั
ชายชาวตะวันตกแทนทจี่ ะเห็นด้วยกบั เนอื้ หาท่ผี ู้ผลติ สรา้ งขนึ้ (กำ� จร หลุยยะพงศ์, 2556)

       กรณีนจี้ ึงตา่ งไปจากส�ำนกั สกรีนและสตรนี ิยมกบั การมองผชู้ มภาพยนตรเ์ ดิม ที่มองว่า ผู้หญงิ จะ
ตีความหมายไปตามอ�ำนาจผู้ชายเป็นใหญ่อย่างเดียว ภายใต้ส�ำนักใหม่นี้เอง สตรี เพศท่ีสาม รวมถึง
ผู้หญิงท่ีมีความแตกต่างกันในเช้ือชาติก็อาจมีการตีความหมายของภาพยนตร์ได้ต่างกัน จากการศึกษา
ผู้หญิงผิวด�ำชาวอเมริกันหลังการรับชมภาพยนตร์เรอื่ ง เดอะ คัลเลอร์ เพอร์เพิล่ (The Color Purple)
ในงานของโบโบ (Bobo อ้างถงึ ใน Wojcik, 2007) กย็ นื ยนั วา่ ภาพยนตรเ์ ร่อื งนสี้ ่วนหนึง่ ทำ� ใหพ้ วกเธอ
ได้เข้าใจการกดข่สี ตรีผวิ ด�ำและการเป็นพลงั ให้เห็นการต่อส้ขู องสตรีผิวดำ� ในประวตั ิศาสตร์
   44   45   46   47   48   49   50   51   52   53   54