Page 51 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 51
การศึกษาภาพยนตร์แนวผ้ชู ม 15-41
ทงั้ การยอมรบั ตอ่ รอง และปฏเิ สธ ในกรณขี องการปฏเิ สธกค็ อื ภาพยนตรท์ ค่ี นนอกทำ� โดยไมเ่ ขา้ ใจลกั ษณะ
ที่แท้จริงของชาวเขา มองชาวเขาแบบอคติ แม้กระทั่งภาพยนตร์ที่ชาวเขาทำ� แต่มีบางฉากท่ีเรียกสมญา
นามชาวเขาในเชงิ ลบ เชน่ เรยี กวา่ “แมว้ ” แทนคำ� วา่ “มง้ ” กไ็ ดร้ บั การตอ่ ตา้ น สว่ นการยอมรบั กจ็ ะเปน็
ภาพยนตร์ท่ีเร่ิมเข้าใจชาวเขาและชาวเขาผลิตเอง แต่ส่วนใหญ่จะพบการต่อรองความหมายในภาพยนตร์
เชน่ การขายสินคา้ ของชาวเขาในภาพยนตร์ก็ท�ำเพือ่ หารายได้มากกวา่ การถกู บังคบั หรือการมองม้งเปน็
คอมมิวนสิ ต์ก็ได้รับการตอ่ รองวา่ เป็นเครอื่ งมือทางการเมืองของรฐั ในอดตี
ในขณะทงี่ านสองชิน้ แรก ใหค้ วามสนใจเกยี่ วกับอัตลกั ษณ์คนใต้ คนกล่มุ ชาตพิ ันธช์ุ าวเขา ที่เป็น
คนกลมุ่ นอ้ ยในสงั คมทถ่ี กู รฐั กำ� หนดความหมายในเชงิ ลบ งานชนิ้ ทส่ี าม ใหค้ วามสนใจคนทถี่ กู วงการแพทย์
ก�ำหนดว่าเป็นบ้า ในงานของบุณยาพร กิตติสุนทโรภาศ (2560) ศึกษาภาพยนตร์ไทย ได้แก่ เมมโมร่ี
รักหลอน/เชือดก่อนชิม/ใคร...ในห้อง และคน-โลก-จิต งานทั้งสี่ชิ้น อาจต่างไปจากงานสองช้ินแรก คือ
เปน็ กลมุ่ ภาพยนตรใ์ นตระกูลเขย่าขวัญ/สยองขวัญ และมักจะผลติ ซ้�ำบนอดุ มการณก์ ารแพทยแ์ ละสงั คมท่ี
มองวา่ ผู้เปน็ โรคจิตเภท คอื ภาพของความนา่ กลัว มปี ญั หา เปน็ กรรมในอดีต ทำ� ให้ตวั ละคร ฉาก การ
กระทำ� ของผปู้ ว่ ยในภาพยนตรก์ ลายเปน็ ปศี าจทนี่ า่ กลวั จนถงึ การฆา่ คน เมอื่ พจิ ารณาถงึ ภาษาภาพยนตร์
กย็ ง่ิ พบการตอกยำ�้ ความนา่ กลวั ดว้ ยภาพขนาดใกล้ (close up) ไปทใี่ บหนา้ ทว่ี ติ กกงั วลของตวั ละคร การ
จดั แสงที่มีลักษณะใชแ้ สงเงาตดั กนั โดยชัดเจน การเลอื กสีทีเ่ ป็นสีทึม
เมอื่ ไดน้ ำ� ภาพยนตรด์ งั กลา่ วใหผ้ ทู้ มี่ ปี ระสบการณเ์ กยี่ วขอ้ งกบั คนปว่ ยโรคจติ เภท กลบั มขี อ้ คน้ พบ
ทีน่ ่าสนใจคอื การต่อรองความหมาย กลา่ วคอื ด้านหน่งึ กลมุ่ ผชู้ มตระหนักถงึ บทบาทของภาพยนตร์ทีจ่ ะ
นำ� เสนอความบนั เทงิ ผา่ นการเขยา่ ขวญั ผชู้ มและยอมรบั การน�ำเสนออาการปว่ ยของคนโรคจติ เภทเปน็ โรค
แบบหนึง่ แต่ก็ไมเ่ ห็นด้วยกบั การใชค้ ำ� วา่ ผูป้ ่วย น่าจะใช้คำ� วา่ คนปว่ ยหรอื คนไข้ เพราะเขาเหลา่ น้ันกค็ อื
“คน”
ย่ิงกวา่ นัน้ ยังต้ังค�ำถามและวิพากษ์เก่ยี วกับคำ� วา่ “บา้ ” วา่ ภาพของผปู้ ว่ ยทเี่ หน็ ในภาพยนตร์
เป็นภาพท่ีสังคมและภาพยนตร์คัดเลือกบางภาพมาน�ำเสนอเท่าน้ัน ภาพเยี่ยงนั้นสร้างความเข้าใจผิดให้
กบั สังคม เช่น ผู้ป่วยมกั เปน็ สตรี ปัญหามกั เกดิ จากครอบครวั อาการป่วยมักกอ่ ความรนุ แรง จนยากต่อ
การระงับหรือควบคุมไมไ่ ด้ ไม่สามารถใช้ชีวิตกบั คนอ่ืนๆ ได้ ท้งั ๆ ทใ่ี นความเปน็ จรงิ ผปู้ ่วย ปญั หา และ
อาการป่วย มีปัจจัยมาจากหลากหลายสาเหตุ แต่ภาพยนตร์สร้างภาพเหมารวมอย่างเดียวไม่น�ำเสนอให้
เห็นถึงกระบวนการรกั ษาทีค่ รบถว้ น โดยเฉพาะการฟน้ื ฟู แมด้ ้านหนงึ่ ภาพยนตรก์ ลมุ่ นี้พยายามนำ� เสนอ
ความรสู้ ึกของตัวละครท่มี ภี าวะจติ เภท เชน่ การใชก้ ล้องแทนสายตาตวั ละคร ท�ำใหผ้ ้ชู มได้ยนิ ไดเ้ ห็นคน
โรคจติ เภทเหน็ ไดย้ นิ และรสู้ กึ แตก่ ย็ งั ทำ� ใหเ้ หน็ วา่ คนเหลา่ นน้ั มคี วามแตกตา่ งจากคนอน่ื ๆ ทำ� ใหเ้ กดิ ความ
แปลกแยกมากกว่าความเข้าใจ
ด้วยเหตุนี้ ผู้วิจัยจึงสรุปให้เห็นว่า ภาพยนตร์ในตระกูลนี้มักจะเป็นภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นภายใต้
มมุ มองของคนนอกทมี่ องไปยงั คนโรคจติ เภทในเชงิ ลบตคี วามตามประสบการณท์ มี่ แี ตไ่ มไ่ ดน้ �ำเสนอโดยใช้
ความรคู้ วามจริงทง้ั หมด และเรียกร้องใหเ้ กิดการผลิตความหมายคนโรคจิตเภทใหร้ อบดา้ นมากกว่าเดิม
การศกึ ษาการเขา้ รหสั /ถอดรหสั ของภาพยนตร์ จงึ เปน็ แนวคดิ ทส่ี ำ� คญั ทท่ี ำ� ใหเ้ หน็ ทงั้ กระบวนการ
ผลิตตัวบทท่ีก�ำหนดความหมายบางอย่างให้กับสังคม ด้านหนึ่งคือผลิตซ�้ำความหมายบางประการให้กับ