Page 50 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 50
15-40 ทฤษฎีและการวจิ ารณ์ภาพยนตร์
นักสตรนี ยิ มรุ่นหลงั ยังชี้ใหเ้ หน็ ดว้ ยวา่ ผู้หญิงอาจมรี สนยิ มและความรนื่ รมยก์ ารชมภาพยนตรท์ ี่
ต่างออกไป ดังขอ้ สงั เกตของบรรดานักวชิ าการทศ่ี ึกษาการชมโทรทัศนข์ องสตรี เชน่ งานของอัง (Ang)
และฮอบสนั (Hobson) ท่เี ผยใหเ้ หน็ ถึงผชู้ มสตรรี บั ชมตวั ละครในโทรทศั น์ด้วยเหตผุ ลอนั หลากหลาย ทั้ง
การเรยี นรูช้ ะตากรรมอย่างเข้าใจ การได้จนิ ตนาการการเลยี นแบบพฤติกรรมบางอยา่ งของตวั ละคร
ส�ำหรับประเทศไทยพบการศึกษาผู้ชมภาพยนตร์ด้วยแนวคิดของฮอลล์อยู่เป็นจ�ำนวนหนึ่ง โดย
มักจะศึกษาตัวบทของภาพยนตร์เป็นส่วนแรกว่ามีการผลิตซ้�ำความหมายอะไร บิดเบี้ยวหรือท�ำไปด้วย
อำ� นาจอะไรทอ่ี ยเู่ บอ้ื งหลงั หลงั จากนนั้ จงึ จะพจิ ารณาวา่ ผรู้ บั สารทม่ี ปี ระสบการณต์ า่ งๆ จะถอดรหสั ความ
หมายในรูปแบบใดได้บ้าง ส่วนใหญ่มักจะชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า ผู้รับสารสามารถต่อสู้ต่อรองความ
หมายไดไ้ มม่ ากกน็ ้อย ในทนี่ ี้จะยกตัวอย่างใหด้ พู อสังเขป
กรณแี รก นลิ ิณี หนูพนิ จิ (2553) ศึกษาภาพยนตร์ไทยกับการสร้างอตั ลักษณช์ มุ ชนภาคใต้ เพอ่ื
จะชใ้ี หเ้ ห็นว่า ภาพยนตร์ไทย ไดแ้ ก่ ครูแก แรงรกั แรงอาถรรพ์ และเพือ่ นสนทิ กำ� ลังสรา้ งความหมาย
ของชุมชนคนใต้ว่าอะไร และในเวลาเดียวกันก็ศึกษาผู้รับสารที่เป็นชาวใต้ ซ่ึงเป็นผู้ท่ีมีประสบการณ์ตรง
ในภาพยนตร์
นิลณิ ี ศกึ ษาถงึ สญั ญะตา่ งๆ ในภาพยนตร์ ได้แก่ ภมู ปิ ระเทศ สภาพสงั คม คนใต้ และวฒั นธรรม
และพบวา่ ภาพยนตรไ์ ดก้ ำ� หนดสภาพสงั คมใตเ้ กย่ี วขอ้ งกบั สง่ิ เหนอื ธรรมชาติ คาถาอาคม และมคี วามขดั
แย้ง ส่วนดา้ นผู้คน คนใต้มีหนา้ ตาคมคาย เปิดเผย และด้านวัฒนธรรม ภาพยนตร์จะน�ำเสนอภาษาและ
ศิลปะทเ่ี ปน็ เอกลกั ษณ์
จากสญั ญะทัง้ สาม เมอื่ ศึกษาไปที่ผู้ชมภาพยนตรท์ ีเ่ ปน็ ชาวใต้กพ็ บการถอดรหสั ทง้ั สามรูปแบบ
คอื ยอมรบั ตอ่ รอง และปฏเิ สธ เชน่ กรณขี องสภาพสงั คมและผคู้ น กลมุ่ ผชู้ มตา่ งยอมรบั และตอ่ รองความหมาย
แตห่ ากเปน็ กรณขี องวฒั นธรรม ผ้ชู มชาวใตบ้ างคนที่เป็นนักวิชาการกลบั ปฏเิ สธภาษาใตใ้ นภาพยนตร์ทีม่ ี
ลกั ษณะผดิ เพยี้ น รวมถงึ การใชม้ โนราหใ์ นภาพยนตรม์ ลี กั ษณะไมเ่ หมาะสม และเมอ่ื ศกึ ษาเทยี บภาพยนตร์
สองเร่อื ง คือ ครูแก และเพือ่ นสนทิ ก็คน้ พบวา่ ภาพยนตรเ์ รอื่ งครแู ก ค่อนข้างผลติ โดยใช้มมุ มองคนใต้
จงึ ท�ำใหก้ ารปฏเิ สธมนี อ้ ยกว่าภาพยนตร์เรื่องเพอ่ื นสนิท
จากขอ้ สงั เกตของงานนลิ ณิ ี เรอ่ื งการผลติ รหสั ในมมุ มองคนใน-คนนอก สง่ ผลใหต้ อ่ มา สริ มิ าภรณ์
คุ้มทุกข์ (2561) ก็ได้ประยุกต์มาศึกษาภาพตัวแทนของชาวไทยภูเขาในภาพยนตร์ ได้แก่ รักจัง/
อาขา่ ผนู้ า่ รกั /มง้ สงครามวรี บรุ ษุ และไดพ้ ฒั นาตวั แปรเพม่ิ เตมิ ขน้ึ โดยจำ� แนกเปน็ ภาพยนตรท์ ค่ี นอน่ื กำ� หนด
ดว้ ยมมุ มองความเปน็ อนื่ คนอน่ื ก�ำหนดดว้ ยมมุ มองอยา่ งเขา้ ใจ และคนในหรอื คนชาวเขาก�ำหนดเพอ่ื พสิ จู น์
ให้เห็นการก�ำหนดรหัสว่า จะเหมือนหรือต่างกันหรือไม่ อีกทั้งศึกษาไปสู่ผู้ชมที่เป็นชาวเขาถอดรหัส
ความหมาย
ผลการศกึ ษาไมต่ า่ งไปจากงานทผ่ี า่ นมาคอื หากเปน็ ภาพยนตรท์ คี่ นนอกผลติ โดยใชม้ มุ มองความ
เปน็ อนื่ ภาพชาวเขากม็ ลี กั ษณะเปน็ อน่ื ออ่ นแอ ตลก แตห่ ากเปน็ ภาพยนตรท์ คี่ นนอกเรมิ่ ผลติ และทำ� ความ
เข้าใจกับชาวเขา ภาพของชาวเขาเริม่ มีตวั ตนทด่ี ีขน้ึ และย่งิ เป็นภาพยนตร์ท่ชี าวเขาผลติ เองก็ทำ� ใหเ้ ขา้ ใจ
อตั ลกั ษณ์ ประวตั ศิ าสตร์ ศกั ดศ์ิ รขี องชาวเขาทค่ี อ่ นขา้ งครบถว้ น สว่ นในดา้ นของการถอดรหสั ความหมาย
ของชาวเขา พบว่า ในภาพยนตร์ท้งั สามตา่ งมกี ารถอดรหัสในหลายรูปแบบแม้ในภาพยนตรเ์ ร่อื งเดยี วกนั