Page 25 - ภาษาและทักษะเพื่อการสื่อสาร
P. 25

ความรูพ้ ้ืนฐานเกีย่ วกับภาษาเพ่ือการส่อื สาร 1-15
       แบบจำ� ลองการสอื่ สารของลาสเวลลม์ คี วามคลา้ ยคลงึ กบั แบบจ�ำลองการสอ่ื สารของอรสิ โตเตลิ คอื
เป็นแบบจ�ำลองที่เป็นเส้นตรง ผู้ส่งสารเป็นผู้กระท�ำการส่ือสารไปยังผู้รับสารแต่เพียงฝ่ายเดียว แตแ่ บบ
จ�ำลองของลาสเวลล์มีการกล่าวถึงองค์ประกอบของการส่ือสารท่ีมากกว่าแบบจ�ำลองของอริสโตเติล 2
ประการ คือ ช่องทางการสื่อสาร และผลจากการส่ือสาร ทง้ั นี้เปน็ เพราะยุคสมัยท่ีเปล่ยี นไปนน่ั เอง
       2.3 	แบบจ�ำลองการสื่อสารของออสกูดและวิลเบอร์ ชแรมม์

 Encoder     Message  Decoder
Interpreter  Message  Interpreter
Decoder                Encoder

               ภาพท่ี 1.4 แสดงแบบจ�ำลองการส่ือสารของออสกูดและวิลเบอร์ ชแรมม์

ท่ีมา:	 Wilbur Schramm. (1954). How Communication Works, The Process and Effects of Communication.

       ออสกดู และวิลเบอร์ ชแรมม์ (C.E. Osgood & Wilber Schramm) ไดเ้ สนอแนวคิดแบบจำ� ลอง
การสื่อสารที่มีลักษณะเป็นวงกลม ผู้รับสารไม่ได้มีหน้าที่คอยรับสารอย่างเดียวเท่าน้ัน แต่ยังมีหน้าที่
ถอดรหัส (decoding) ตคี วามสาร (interpreting) ใหส้ อดคล้องกบั ประสบการณแ์ ละการรบั ร้ขู องตน และ
มีการผลัดเปล่ียนเป็นผู้ส่งสารกลับมายังผู้ส่งสารเดิมด้วย ลักษณะดังกล่าวท�ำให้ผู้ส่งสารเดิมไม่ได้มี
อ�ำนาจเหนอื ผรู้ บั สารอีกตอ่ ไป เพราะทัง้ ผสู้ ง่ สารและผูร้ ับสารต่างกท็ �ำหนา้ ทีแ่ บบเดียวกัน คือส่งสารไปยงั
อีกฝา่ ยหน่ึงและแปลความหมายสารทอ่ี ีกฝา่ ยหนึง่ ส่งมา

       ออสกูด และชแรมม์ อธิบายถึงกระบวนการส่ือสารตามแบบจ�ำลองเกี่ยวกับการตีความสาร ว่า
ผสู้ ่งสารและผ้รู บั สารตอ้ งมีพน้ื ฐานประสบการณ์ (field of experience) ร่วมกนั การสอ่ื สารจึงจะประสบ
ผลสำ� เรจ็ ซง่ึ พน้ื ฐานประสบการณน์ ห้ี มายถงึ ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งทบ่ี คุ คลไดป้ ระสบมาตงั้ แตเ่ กดิ จนถงึ ขณะทท่ี ำ� การ
ตดิ ตอ่ สอ่ื สารกนั หรอื อาจกลา่ วไดว้ า่ เปน็ ภมู หิ ลงั ของแตล่ ะบคุ คล ดงั นน้ั แตล่ ะคนจงึ มพี น้ื ฐานประสบการณ์
แตกตา่ งกนั

       แบบจ�ำลองของออสกดู และชแรมม์ ยังสะทอ้ นให้เห็นแนวคิดวา่ การส่ือสารเป็นกระบวนการท่ี
หมุนเวียนไม่มีที่สิ้นสุด และการท่ีผู้รับสารมีปฏิกิริยาป้อนกลับก็เป็นปัจจัยท่ีท�ำให้การสื่อสารเป็น
แบบสองทาง (Two-way communication) ซ่ึงเป็นกระบวนการที่สมบรู ณ์มากยิง่ ขึน้ เนื่องจากปฏกิ ิริยา
   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30