Page 29 - ภาษาและทักษะเพื่อการสื่อสาร
P. 29

ความรู้พนื้ ฐานเก่ยี วกับภาษาเพ่อื การสือ่ สาร 1-19
            4) 	ความคดิ ทเ่ี กดิ ขนึ้ จากการสอื่ สารกลมุ่ มลี กั ษณะเปน็ เอกฉนั ท์ หรอื ไมเ่ ปน็ เอกฉนั ท/์ เสยี ง
ส่วนใหญ่ (majority) และเสียงส่วนน้อย (minority)
       3.4 	การส่ือสารในที่สาธารณะ (Public Communication) การสื่อสารในท่ีสาธารณะหรือการ
สื่อสารในที่ชุมนุมชน เป็นการส่ือสารท่ีมีผู้ส่งสารเพียงคนเดียวหรืออาจมีผู้ส่งสารเป็นหมู่คณะ สื่อสารกับ
กลุ่มผู้รับสารที่มีจ�ำนวนต้ังแต่หนึ่งคนข้ึนไป โดยทั่วไปแล้วผู้ส่งสารจะเป็นฝ่ายเตรียมเร่ืองที่จะพูดด้วย
ความมุ่งหมายที่ชัดเจนว่าต้องการให้เกิดผลอย่างไรแก่ผู้รับสาร อาจเป็นการส่ือสารเพื่อถ่ายทอดความรู้
เพอ่ื โนม้ นา้ วใจผรู้ บั สารใหค้ ลอ้ ยตาม หรอื กอ่ ใหเ้ กดิ ความสนกุ สนาน โดยเมอื่ ผสู้ ง่ สารพดู จบอาจเปดิ โอกาส
ให้ผู้รับสารซักถามเพ่ิมเติมได้ กิจกรรมการสื่อสารในท่ีสาธารณะมักมีให้เห็นอยู่ท่ัวไป เช่น การปราศรัย
การโฆษณาหาเสยี ง การชแี้ จงต่อหนา้ ท่ีประชมุ การกล่าวอวยพร กล่าวต้อนรบั การบรรยายสรปุ เป็นตน้
ซ่งึ ธรรมชาติของการสอื่ สารในที่สาธารณะมี 4 ประการด้วยกนั คือ
            1)	ผู้ส่งสารมีหน้าท่ีหรือความรับผิดชอบที่จะส่ือสาร ซึ่งผู้ส่งสารอาจพูดในนามของตนเอง
หรอื พดู ในนามขององคก์ ร สถาบนั หรอื ประเทศชาตกิ ไ็ ด้ จะมผี สู้ ง่ สารเพยี งคนเดยี วหรอื หลายคนกไ็ ด้ แต่
กลุ่มผสู้ ่งสารต้องมีความคิดเห็นและขอ้ มลู ของเรอ่ื งทจี่ ะพดู เปน็ ไปในทิศทางเดียวกนั สว่ นหน้าท่แี ละความ
รบั ผิดชอบทกี่ ลา่ วถึงนน้ั หมายความวา่ ผสู้ ่งสารมภี ารกจิ ซง่ึ ไดร้ บั มอบหมายมาใหต้ อ้ งกลา่ วแก่ผูร้ ับสารใน
ทส่ี าธารณะนน้ั
            2)	การส่ือสารประกอบด้วยเนื้อหาท่ีต้องให้สาธารณชนรับรู้ได้ จ�ำนวนของผู้รับสารในการ
สอื่ สารตอ่ ทช่ี มุ ชนไมใ่ ชป่ ระเดน็ สำ� คญั ทจี่ ะจำ� แนกไดว้ า่ การสอื่ สารครง้ั นน้ั ๆ เปน็ การสอื่ สารตอ่ ทชี่ มุ ชนหรอื
ไม่ แต่สิ่งท่ีส�ำคัญคือประเด็นในการสื่อสาร ต้องเป็นเรื่องท่ีเปิดเผยให้สาธารณชนรับรู้ได้ และไม่ใช่เร่ืองท่ี
เปน็ ส่วนตัวหรือความลับใดๆ
            3)	มีสภาพการณ์ที่เรียกร้องให้มีการสื่อสารครั้งนั้นๆ เม่ือต้องส่ือสารท่ามกลางผู้คนที่
ต่างเพศ ต่างวัย ต่างความคิด มีเงื่อนไขข้อจ�ำกัดและความสัมพันธ์หลากหลายรูปแบบ เป็นสภาพการท่ี
เสมือนบังคับให้ ผู้ส่งสารต้องเตรียมตัวมาก่อน เพื่อให้สารที่จะพูดสามารถสร้างความเปล่ียนแปลงให้กับ
ผู้รบั สารในแงข่ องความคิด ทัศนคติ ความเชอื่ หรอื การกระทำ� ได้
            4)	การส่ือสารดังกล่าวต้องไม่ถูกขัดหรือตอบโต้จากผู้รับสารตลอดเวลา โดยท่ัวไปเมื่อ
ผู้ส่งสารพูดต่อหน้าที่ชุมชนจะถูกขัดจังหวะหรือตอบโต้จากผู้รับสารน้อยมาก นอกเสียจากจะมีการเปิด
โอกาสใหผ้ รู้ บั สารแลกเปลยี่ นแสดงความคดิ เหน็ ได้ ซงึ่ กม็ กั เกดิ ขน้ึ ภายหลงั ทผี่ สู้ ง่ สารพดู จบแลว้ ทเ่ี ปน็ เชน่
นี้เพราะบรรยากาศในการส่ือสารลักษณะนี้ไม่เอื้อให้ผู้รับสารท้ังหมดพูดโต้ตอบกลับได้ เนื่องจากความ
หลากหลายทางความคิดของผูร้ ับสารเอง และดว้ ยภาวะท่เี สมือนผสู้ ง่ สารเป็นผ้นู �ำ การขดั หรือตอบโต้จึงดู
เหมือนการเปน็ ปฏปิ กั ษก์ ับผสู้ ง่ สารไปดว้ ย
   24   25   26   27   28   29   30   31   32   33   34