Page 31 - ภาษาและทักษะเพื่อการสื่อสาร
P. 31
ความรู้พนื้ ฐานเกีย่ วกบั ภาษาเพ่อื การส่อื สาร 1-21
1.1 ความหมายนัยตรง (Denotative meaning) และความหมายนัยประหวัด (connotative
meaning) สารทส่ี ง่ ออกไปอาจสอื่ ความหมายไดท้ งั้ 2 แบบ โดยสารนยั ตรงเปน็ ความหมายทค่ี นสว่ นใหญ่
ในสังคมเขา้ ใจรว่ มกัน ผู้รบั สารกส็ ามารถสบื ค้นความหมายจากพจนานุกรมตา่ งๆ ได้ แต่อาจมคี ำ� บางค�ำ
ท่ีมีมากกวา่ 1 ความหมาย ผูส้ ง่ สารจึงจ�ำเป็นต้องมัน่ ใจว่าผรู้ ับสารจะสามารถเขา้ ใจความหมายของคำ� ทใี่ ช้
ไปในทิศทางเดยี วกัน เช่น คำ� ว่า “ขนั ” อาจหมายถึง ภาชนะสําหรบั ตักหรอื ใส่น้ํา อาการรอ้ งอย่างหนงึ่
ของไก่หรอื นกบางชนิด หรอื อาจหมายถึง การหวั เราะ
สว่ นความหมายนยั ประหวดั เปน็ ความหมายทแี่ ตล่ ะบคุ คลสรา้ งขนึ้ โดยมอี ารมณ์ ความเปน็ อตั วสิ ยั
ปฏิกริ ิยาส่วนบุคคลรว่ มอยู่ด้วย ท�ำให้ผสู้ ่งสารตอ้ งมคี วามระมัดระวังในการส่งสารมากยงิ่ ข้ึน ซ่ึงวธิ กี ารทีด่ ี
ทีส่ ุดทจี่ ะสอ่ื ความหมายให้เขา้ ใจตรงกันทั้งผ้รู บั สารและผู้ส่งสาร คือการเขา้ ใจผรู้ บั สารอยา่ งลกึ ซึง้ วา่ เขาจะ
แปลความหมายนัยประหวัดไปในทิศทางใด เช่น ค�ำว่า “เก้าอ้ี” ซึ่งความนัยตรงหมายถึง ท่ีสําหรับนั่ง
มขี าและพนกั พงิ มกั ยกยา้ ยไปมาได้ แตห่ ากพดู วา่ “เหลา่ นกั การเมอื งกำ� ลงั แยง่ เกา้ อกี้ นั ” คำ� วา่ เกา้ อใ้ี นทนี่ ี้
เป็นความหมายนยั ประหวดั อาจหมายถึง ต�ำแหนง่ อ�ำนาจ
1.2 ความหมายอยู่ในคน (Meanings are in people) การใหค้ วามหมายของสารไมไ่ ดข้ น้ึ อยกู่ บั
ตัวสารเพียงอย่างเดียว แต่บุคคลแต่ละคนก็มีการตีความสารท่ีแตกต่างกันออกไปตามปัจจัยทางจิตวิทยา
เช่น ความเชอ่ื ทศั นคติ ค่านยิ ม การประเมนิ ค่า การให้ความส�ำคญั เชน่ ค�ำวา่ “การตกปลา” คนกลุม่
หน่ึงเข้าใจว่าเป็นกีฬาทีฝ่ กึ ความอดทนและสมาธิ แต่คนอกี กลุม่ หน่ึงกลบั มองวา่ มนั คือการทำ� บาปโดยการ
ทรมานสตั ว์
1.3 ความหมายขึ้นอยู่กับบริบท (Meanings depend on context) เมอื่ อยใู่ นสภาพแวดลอ้ มหรอื
บริบทที่แตกต่างกันออกไป การให้ความหมายของสารอาจมีความแตกต่างกัน เช่น ถ้าพูดกับเพ่ือนสนิท
ว่า “มีอะไรหรือเปล่า” ถือเป็นการแสดงความห่วงใย ใส่ใจในเร่ืองที่เพื่อนมีปัญหา แต่หากพูดกับคนเมา
อาจมคี วามหมายในเชงิ เหมือนต้องการมเี ร่ือง
1.4 สารมาเป็นส�ำรับ (Messages are Packaged) ในการสื่อสาร สารทถี่ กู สง่ ออกไปประกอบไป
ดว้ ยสารทเี่ ป็นถอ้ ยคำ� และสารท่ไี มใ่ ชถ่ ้อยคำ� ประสานร่วมกันอยู่ ดังน้ัน ผสู้ ่งสารต้องค�ำนงึ ถงึ ทง้ั การสอ่ื สาร
ทป่ี ระกอบดว้ ยคำ� และการใชท้ า่ ทาง อากปั กริ ยิ าตา่ งๆ หากขณะพดู มคี วามขดั แยง้ กนั การสอื่ ความหมาย
ก็อาจล้มเหลว เน่ืองจากผู้รับสารไม่แน่ใจว่าผู้ส่งสารต้องการส่ือความหมายไปในทิศทางใดกันแน่ เช่น
พนักงานขายท่ีพูดแนะน�ำว่าสินค้ามีคุณภาพดี ทนทาน แต่พูดตะกุกตะกัก น�้ำเสียงขาดความม่ันใจ ไม่
สบตาผรู้ ับสารขณะพดู ก็จะทำ� ให้ผรู้ บั สารไมเ่ ชือ่ ถือ และไม่ซื้อสนิ คา้ ดังกลา่ วตามเจตนาในการส่อื สารของ
พนักงานขาย
1.5 ระดับความเป็นนามธรรมของสารมีความแตกต่างกัน (Message very in abstraction)
ค�ำท่ีประกอบรวมกันเป็นสารมีความเป็นนามธรรมไม่เท่ากันในแต่ละค�ำ ซ่ึงระดับความเป็นนามธรรมของ
ค�ำมีผลต่อการตีความหมายของผู้รับสาร ดังนั้น ผู้ส่งสารต้องก�ำหนดและเลือกว่าจะใช้ค�ำที่มีความเป็น
นามธรรมมากน้อยขนาดไหนในการสื่อสาร ซ่ึงจะขึ้นอยู่กับโอกาส สถานการณ์ และวัตถุประสงค์ในการ
สอ่ื สาร เชน่ หากจะสอื่ สารเรอ่ื ง “สตั ว”์ ผรู้ บั สารจะตคี วามไดก้ วา้ งมาก แตห่ ากระบลุ งไปวา่ เปน็ “สตั วป์ กี ”
“นก” “นกเพนกวนิ ” “เพนกวนิ จกั รพรรด”ิ จะเหน็ ไดว้ า่ การตคี วามหมายของผรู้ บั สารจะถกู จำ� กดั ใหแ้ คบ