Page 36 - ภาษาและทักษะเพื่อการสื่อสาร
P. 36

1-26 ภาษาและทักษะเพอ่ื การสื่อสาร
       โซซูร์อธบิ ายว่าองค์ประกอบของสัญญะมีดว้ ยกนั 2 ส่วน คือ ตัวหมายและตวั หมายถงึ ซึง่ ท้ัง 2

ส่วนนม้ี คี วามสมั พันธ์กัน ซง่ึ ลักษณะส�ำคญั ของความสมั พนั ธ์มดี ้วยกัน 3 ประการ คอื
            1) 	เกิดขึ้นโดยไม่มีหลักเกณฑ์ใด ๆ เช่น ตัวอักษร ก. ไก่ ไม่ได้มคี วามสมั พันธเ์ กย่ี วข้อง

หรอื คลา้ ยคลงึ กับลักษณะของตัวไกจ่ ริงๆ
            2) 	เกดิ ขน้ึ โดยไมต่ ง้ั ใจ คอื ความสมั พนั ธน์ น้ั ไมไ่ ดเ้ กดิ จากความตง้ั ใจของบคุ คลใดบคุ คลหนง่ึ
            3)		ความสัมพันธ์นี้ไม่ได้เกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ หมายความว่าเราจะไม่สามารถเข้าใจ

สญั ญะได้เองตามสัญชาตญาณ แต่ต้องผา่ นกระบวนการเรียนรู้
       3.2		 ความหมายถูกสร้างข้ึนมาได้อย่างไร โซซูร์ให้คำ� ตอบของคำ� ถามนีไ้ วด้ งั นี้
            1) 	การเปรียบเทียบเชิงโครงสร้าง คอื สัญญะตวั หนึง่ จะไมม่ ีความหมายใดๆ หากอยโู่ ดย

ลำ� พงั แตเ่ มอ่ื ประกอบรวมกบั สญั ญะตวั อนื่ ๆ ตามการเปรยี บเทยี บเชงิ โครงสรา้ ง กจ็ ะกอ่ เกดิ เปน็ ความหมาย
ข้นึ มา

            2)		การเปรียบเทียบคู่ตรงข้าม เปน็ การท�ำความเขา้ ใจความหมายโดยการเปรยี บเทียบเชงิ
โครงสร้างอย่างรวดเร็วและเด่นชัดท่ีสุด เช่น หากต้องการเข้าใจความหมายของคำ� ว่า “ความรัก” ก็ต้อง
น�ำไปเปรียบเทียบกับอะไรที่ไม่ใช่ความรัก การเปรียบเทียบคู่ตรงข้ามจะสร้างความหมายได้อย่างรวดเร็ว
และมีประสิทธภิ าพ เนื่องจากมนษุ ยส์ ่วนใหญม่ กี รอบแนวคิดเชิงเปรยี บเทยี บมาแต่เดมิ อยู่แล้ว

            3)		การเปรียบเทียบสัญญะย่อยกับสัญญะอ่ืน ๆ ในโครงสร้างทั้งหมด การเปรียบเทียบ
ลักษณะนห้ี มายถงึ การมองเห็นความแตกต่างระหวา่ งสญั ญะยอ่ ยๆ ในโครงสร้างรวมทงั้ หมด เชน่ เราจะ
เขา้ ใจความหมายของคำ� ใดๆ เรากต็ ้องมองเหน็ ความแตกตา่ งระหวา่ งคำ� ว่า “เงนิ ” “เดนิ ” “เกนิ ” “เขิน”
เป็นต้น

            4) 	การเข้าใจความหมายของสัญญะย่อยท่ีอยู่ภายในโครงสร้างท้ังหมด กรณีน้ีจะเน้นท่ี
สัญญะตวั เดิม แตเ่ ม่ือถกู น�ำไปประกอบความสัมพนั ธ์ในโครงสร้างรวมทีเ่ ปลย่ี นไป ความหมายของสญั ญะ
ตวั เดิมก็จะเปลยี่ นไป

            5) 	สัญญะและบริบท เมอื่ ขยายความของโครงสรา้ งโดยรวมใหก้ วา้ งขน้ึ โครงสรา้ งนนั้ กจ็ ะ
หมายความถึงบริบททางวัฒนธรรมของคนแต่ละกลุ่ม แต่ละสังคม ซ่ึงโครงสร้างน้ีจะท�ำให้การรับรู้
ความหมายของสญั ญะเดยี วกนั แตกตา่ งกนั ออกไป กรณนี ห้ี มายรวมถงึ บรบิ ทการเปลย่ี นแปลงดา้ นเวลาดว้ ย
กล่าวคือ ในสมัยโบราณคนมีกรอบความคิดความเชื่อแบบหนึ่ง แต่เมื่อเวลาผ่านมา เกิดการค้นพบ
การเรียนรู้ และค่านิยมใหม่ๆ ท�ำให้การรับรู้ความหมายของสัญญะเดิมของคนในอดีตและปัจจุบันเปลี่ยน
ไป เช่น ค�ำว่า “ลงแขก” ในสมยั กอ่ นหมายถงึ การช่วยกันท�ำงาน ซึง่ เป็นความหมายในแง่ดี แต่หากใชค้ �ำ
นีใ้ นปจั จุบันอาจถูกตคี วามหมายไปในแงล่ บ

            6) 		สัญญะที่เป็นเกณฑ์ในการจัดหมวดหมู่ ซึ่งโซซูร์ต้ังข้อสังเกตว่าในแต่ละวัฒนธรรมจะ
มกี ารสรา้ งสญั ญะทเี่ ปน็ เกณฑข์ นึ้ มาใชจ้ ดั หมวดหมู่ เชน่ ค�ำเรยี กสี คำ� เรยี กญาติ ซงึ่ คำ� จดั หมวดหมเู่ หลา่ น้ี
จะสะทอ้ นให้เหน็ โครงสรา้ งในวิธีคิดของคนในสงั คมน้ันๆ

       ทง้ั หมดที่กลา่ วมาน้เี ป็นการแสดงถงึ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสัญญะย่อยกบั โครงสร้างรวมท้ังหมด
   31   32   33   34   35   36   37   38   39   40   41