Page 41 - ภาษาและทักษะเพื่อการสื่อสาร
P. 41

ความร้พู ื้นฐานเกี่ยวกับภาษาเพื่อการสอ่ื สาร 1-31
ทแี่ มแ้ ตต่ วั ผสู้ ง่ สารเองกย็ งั มองไมเ่ หน็ ภาพของสงิ่ ทตี่ อ้ งการจะสอ่ื การทจ่ี ะรแู้ ละเชยี่ วชาญในเรอื่ งทตี่ อ้ งการ
จะพูด ไม่จ�ำเปน็ วา่ ผู้ส่งสารตอ้ งจบการศึกษามาทางดา้ นนั้นๆ โดยตรง แตค่ วามร้คู วามเชย่ี วชาญอาจเกิด
จากประสบการณ์ท่ีผู้ส่งสารส่ังสมมาก็ได้ เช่น ประสบการณ์ในการท�ำงาน ความสนใจในเรื่อง
ความรู้รอบตัวต่างๆ หรือหากต้องพูดในเรื่องท่ีผู้ส่งสารไม่เคยรู้มาก่อนเลยก็ไม่เป็นปัญหา หากผู้ส่งสารมี
การเตรยี มตวั มากอ่ นด้วยการพยายามทำ� ความเขา้ ใจเร่อื งน้ันๆ และหาข้อมลู เพ่มิ เติม

       1.4 	ทักษะในการสื่อสาร ทกั ษะในการสอ่ื สารในทนี่ ี้ หมายถงึ ทกั ษะในการเขา้ รหสั (encoding)
การถอดรหัส (decoding) และการตีความ (interpreting) ซึ่งตามแนวความคดิ ของออสกูดและวิลเบอร์
ชแรมม์ การเข้ารหสั หมายถงึ การที่ผ้สู ่งสาร แปลสาร (ขอ้ มลู ความคดิ ความรูส้ กึ ) ให้เปน็ ภาษาหรือรหสั
อื่นๆ ท่ีเหมาะแก่วิธีการถ่ายทอด หรือสื่อ หรือช่องทางการสื่อสาร และเหมาะกับผู้รับสารกลุ่มเป้าหมาย
สว่ นการถอดรหัส หมายถงึ การท่ีผรู้ บั สารแปลรหัสหรือภาษากลบั เปน็ สาร (ข้อมูล ความคดิ ความร้สู กึ )
อกี คร้ังหนง่ึ เพื่อสกัดเอาความหมายที่ผสู้ ง่ สารส่งมาหรอื ตอ้ งการส่อื ความหมายมา

       นอกจากน้ีนักทฤษฎีท้ัง 2 คนยังให้ความหมายของการตีความสาร ว่าเป็นการท่ีผู้ส่งสารและ
ผู้รับสารสามารถท่ีจะตีความสารท่ีตนได้รับไปในทางท่ีอีกฝ่ายหน่ึงประสงค์ (ตีความหมายสารได้ตรงกัน)
การสือ่ สารในครงั้ น้ันๆ กจ็ ะสมั ฤทธผิ ล การตีความสารนม้ี คี วามสำ� คัญมากตอ่ ผลของการสอื่ สาร และการ
ตีความสารของผู้ส่งสารและผู้รับสารจะคล้ายคลึงกันหรือแตกต่างกันจะขึ้นอยู่กับกรอบแห่งการอ้างอิง
(Frame of reference) ของผกู้ ระทำ� การส่ือสารท้ัง 2 ฝ่ายเป็นสำ� คญั

       แตใ่ นแนวคดิ ของเดวดิ เบอรโ์ ล ทกั ษะในการสอื่ สาร หมายถงึ ความสามารถความชำ� นาญในการ
สอื่ สาร ทง้ั การฟงั การพดู การอา่ น การเขียน และการคดิ วิเคราะห์ ซ่งึ ไม่วา่ จะนยิ ามทักษะการสอื่ สารใน
รูปแบบใด ปัจจัยนี้ก็มีผลต่อการสื่อสารมาก เพราะการที่ผู้ส่งสารมีความสามารถและทักษะในการส่ือสาร
ยง่ิ สูงเท่าใดก็จะยิง่ ช่วยให้สารท่ีสรา้ งและถูกสง่ ออกไปจะง่ายแก่การตีความของผู้รับสารมากข้ึน

       1.5 	ทัศนคติ หมายถึง วิธีการท่ีบุคคลประเมินสิ่งต่างๆ โดยความโน้มเอียงของตนเองเพ่ือที่จะ
เข้าถึงหรือเป็นการหลีกเล่ียงส่ิงนั้นๆ ซ่ึงทัศนคติที่มีผลต่อการส่ือสารและการสื่อความหมายตามแนวคิด
ของเดวดิ เบอร์โล คือ ทัศนคตติ อ่ ตนเอง ต่อเรื่องท่ีส่อื สาร และตอ่ ผ้รู ับสาร ดังน้ี

            1) 	ทัศนคติต่อตนเอง (Attitude toward self) หากผู้ส่งสารมีความมั่นใจในตัวเอง
สารที่สร้างข้ึนมาก็จะสะท้อนในส่ิงน้ัน ซ่ึงจะส่งผลให้ผู้รับสารเกิดความเช่ือถือและม่ันใจในสาร แต่ในทาง
ตรงกันข้าม หากผู้ส่งสารขาดความมนั่ ใจในตวั เอง สารทถ่ี กู ส่งออกไปจะสร้างความไมม่ ั่นใจใหแ้ ก่ผู้รับสาร
นน้ั และอาจตคี วามหมายสารผดิ ไป

            2)		ทัศนคติต่อเรื่องที่สื่อสาร (Attitude toward subject matter) เมื่อผู้ส่งสารมี
ความรสู้ กึ ทด่ี หี รอื มคี วามเชอื่ ในเรอ่ื งทจี่ ะสอ่ื สาร การสอื่ สารนนั้ ยอ่ มมปี ระสทิ ธภิ าพมากกวา่ การมคี วามรสู้ กึ
ในแง่ลบ

            3)		ทัศนคติต่อผู้รับสาร (Attitude toward receiver) ความรสู้ กึ ทผี่ สู้ ง่ สารมตี อ่ ผรู้ บั สารจะ
ส่งผลกระทบตอ่ การสอื่ สารและการสอื่ ความหมาย เช่น หากผ้สู ่งสารมีความรู้สึกชอบพอผรู้ บั สาร สารกจ็ ะ
มีแนวโนม้ ไปในทิศทางบวก และอาจทำ� ใหผ้ รู้ ับสารเชื่อและคล้อยตามสารนนั้ ได้ง่ายกว่า แตห่ ากผสู้ ง่ สารมี
ความรู้สึกแง่ลบต่อผู้รับสาร สารท่ีส่งออกมาอาจมีการปรุงแต่ง เช่น การประชดประชัน เสียดสี ท�ำให้
ผูร้ บั สารเกดิ ความสับสนในการตีความหมายของสารได้
   36   37   38   39   40   41   42   43   44   45   46